น่าจับตามองเมื่อรัฐบาลภายใต้การนำของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะแถลงผลการทำงานรัฐบาล “อิ๊งค์ 1” ทำที่งานครบ 100 วัน ในวันที่ 12 ธ.ค.67นี้ โดยจะมีการพูดถึงผลงานในช่วงปี67 ที่เข้ามารับตำแหน่ง รวมถึงกรอบการทำงานของรัฐบาล และโครงการที่จะทำในปี 68 ซึ่งนโยบายรัฐบาล “เรือธง” คือแจกเงินหมื่น ที่สร้างเสียงฮือฮาอย่างมากในช่วงหาเสียงของพรรคเพื่อไทย เพราะประกาศไว้ทั่วประเทศว่า “ทำทันที ที่เป็นรัฐบาล”แต่ปรากฏว่า พอจะทำจริงก็มีเสียงค้านมากมาย บางเรื่องก็เป็นหอกทิ่มแทงรัฐบาลเอง โดยเฉพาะ กรณีหาว่ารัฐบาล “บิ๊กตู่” ดีแต่กู้ พอเอาเข้าจริงรัฐบาลเพื่อไทยก็ต้อง “กู้” มาทำโครงการฯเช่นกัน
ซึ่งมีการถอยหน้า ถอยหลังมาตลอดในสมัยรัฐบาลของ “เสี่ยนิด” เศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี ใช้เวลาทบทวนสิทธิ์ผู้ต้องได้อยู่นาน จนในที่สุดก็ตัดคนมีเงินเดือนหรือเงินเก็บที่อยู่ในวงเงินสูงออก แล้วก็ได้แจกลอตแรกสำหรับกลุ่มลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ กลุ่มเปราะบาง แต่ก็ไม่ได้ครอบคลุมเป้าหมายทั้งหมดที่ตั้งเป้าว่าจะแจกเงินหมื่น
เรื่องงานรัฐบาล อัพเดตเมื่อวันที่ 19 พ.ย.67 “นายกฯอิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร เป็นประธานประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่ประชุมมีมติเห็นชอบมาตรการแจกเงิน10,000 บาท เฟส 2 ให้กับผู้สูงอายุ ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป รวมประมาณ 4 ล้านคน ใช้งบประมาณ 40,000 ล้านบาท คาดว่า เฟส 2 นี้จะเริ่มแจกได้ก่อนวันที่ 29 ม.ค.67 คือ ก่อนตรุษจีน ส่วนกลุ่มที่เหลือ จะทำในระยะต่อไปโดยดูความพร้อมของระบบการจ่ายเงินดิจิทัลเป็นสำคัญ ( คือยังไม่ชัดเจนว่า จะเป็นเงินสดหรือเงินดิจิทัล เนื่องจากมีข่าวมาตลอดว่า รัฐบาลกำลังพัฒนาแพลตฟอร์ม เพื่อใช้ในโครงการอนาคตด้วย ) คาดว่าจะเริ่มต้นในช่วงเดือนเม.ย. – มิ.ย. 68 ที่ประชุมให้กระทรวงการคลังไปทำรายละเอียดมาเสนอต่อ ครม.
นอกจากนี้ที่ประชุมยังเห็นชอบแนวทางการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนผ่านธนาคารเฉพาะกิจของรัฐและธนาคารพาณิชย์ โดยพักชำระดอกเบี้ยเงินกู้ให้กับลูกหนี้ที่มีหนี้เสียไม่เกิน 1 ปี พักชำระ 3 ปี รายละเอียดจะสรุปเร็วๆ นี้ เบื้องต้นจะช่วยครอบคลุมลูกหนี้กลุ่มสำคัญ คือ กลุ่มที่มีหนี้บ้าน หนี้รถยนต์ และหนี้จากการบริโภค มูลหนี้รวมทั้งสิ้นประมาณ 1.2-1.3 ล้านล้านบาท
โดย นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง บอกว่า คณะกรรมการฯ กำลังพิจารณามาตรการเพิ่มเติมว่า ในช่วง 3 ปีแรกที่ชำระเงินกู้ จะปรับวงเงินผ่อนชำระให้ลดลงกว่าเดิมด้วย และยังมีโครงการจ่ายเงินช่วยเหลือชาวนาไร่ละ 1,000 บาท ให้กระทรวงการคลังหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อหาข้อสรุปโครงการจ่ายเงินช่วยเหลือชาวนา ซึ่งการจ่ายเงินช่วยเหลือชาวนาไร่ละ 1,000 บาท เบื้องต้นจะเป็นโครงการที่เข้ามาดูแลเกษตรกรในระยะสั้น เร็วๆ นี้จะประกาศเงื่อนไขการดำเนินการ ขณะที่ในระยะยาว รัฐบาลจะหาทางปรับโครงสร้างการเกษตรทั้งระบบใหม่ให้เกษตรกรมีรายได้ที่มั่นคงมากขึ้น ก็ต้องดูว่า ปรับโครงสร้างราคา หรือเพิ่มเทคโนโลยีการผลิต ส่งเสริมการทำการเกษตรหลากหลาย
นอกจากนี้ ที่ต้องลุ้นกันอีก คือการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ซึ่ง “โกเกี๊ยะ”นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.แรงงาน ต้องการให้ทำให้เสร็จเป็นของขวัญปีใหม่68 รอนัดประชุมกรรมการร่วม 3 ฝ่าย นโยบายเศรษฐกิจออกมารัวๆ หลังจากรัฐบาลนิ่งมานานเมื่อแจกเงินหมื่นเฟสแรกเสร็จ ก็มีคนมองว่า หวังผลทางการเมืองหรือไม่ เพราะมีสนาม อบจ.??
เพื่อไทยเองยังไม่สรุปชัดเจนทั้งหมดว่า จะส่งผู้สมัครนายก อบจ.กี่จังหวัด แต่อย่างน้อยๆ ก.พ.68ก็ต้องเลือกทดแทนคนหมดวาระ สงสัยว่า เมื่อตอนนั้นจะมีความชัดเจนเรื่องเงื่อนไขการจ่ายเงินออกมา ประชานิยมอย่างไรก็ขายได้ และประชาชนสนใจยิ่งกว่าวาระเรื่องแก้รัฐธรรมนูญ ที่วุ่นวายหลายเรื่องอยู่ไม่รู้แล้ว เปิดสภามาจะขอแก้รายมาตรากันอีก
และยังมีผู้ตั้งข้อสังเกตว่า การที่แจกกลุ่มอายุ 60 ปีขึ้นไปก่อนตรุษจีน จะมีผลอะไรต่อความได้เปรียบเสียเปรียบกับการเลือกตั้งนายก อบจ.หรือไม่ ? ประชากรกลุ่มนี้ก็จัดว่าเยอะ อย่างไรก็ตาม มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจก็ต้องมีออกมาเรื่อยๆ เพราะไม่ว่าจะสำรวจกี่ครั้ง เรื่องปากท้อง – หนี้สิน คือสิ่งที่ประชาชนต้องการให้รัฐบาลจัดการเร็วที่สุด
และถ้าทำดีๆ มันจะช่วยเพิ่มคะแนนนิยมให้พรรคเพื่อไทยในการเลือกตั้งหน้า ให้ได้ตามเป้า 200 เสียง.