ท่ามกลางสถานการณ์ก่อเหตุรุนแรงที่ยังคงมีอยู่ “ทีมข่าวอาชญากรรม” มีโอกาสพูดคุยหนึ่งในเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติการที่มีหน้าที่ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญเฉพาะในการรักษาความสงบเรียบร้อยอย่าง “เจ้าหน้าที่ EOD” ด่านหน้าการเก็บกู้วัตถุระเบิด โดยได้สอบถามถึงบทบาทที่ทำอยู่ เพื่อสะท้อนอีกมุมมองคนทำงานในพื้นที่ที่หลายคนมองว่า “เสี่ยง”

จ.ส.อ.สาคร เหมะ หน่วยทำลายล้างวัตถุระเบิดอโณทัย หรือ EOD อโณทัย เผยถึง ภารกิจที่รับผิดชอบว่ามีหน้าที่หลักคือการเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด ไปจนถึงให้การดูแลความปลอดภัยบุคคลสำคัญที่เดินทางเข้ามาในพื้นที่ สำหรับการเข้าไปเก็บกู้วัตถุต้องสงสัยในแต่ละครั้ง จะเป็นการได้รับรายงานจากหน่วยเฉพาะกิจภายในพื้นที่ที่ลาดตระเวนที่แจ้งการพบวัตถุต้องสงสัยมายังหน่วย เพื่อให้เจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติการลงพื้นที่ไปตรวจสอบกับวัตถุดังกล่าว

หากถามถึงความเสี่ยงในการทำงานแต่ละครั้งมีมากน้อยแค่ไหน จ.ส.อ.สาคร ระบุ หากเป็นวัตถุระเบิดก็เสี่ยงชีวิตในทุกเคสที่ทำ ซึ่งแต่ละที่เผชิญเหตุการณ์ไม่เหมือนกัน โดยบริเวณหน่วยที่ตนเองสังกัด ส่วนใหญ่วัตถุเหล่านี้จะอยู่ในพื้นที่ป่า ส่วนในเมืองจะเป็นเพียงส่วนน้อย ในพื้นที่ปัจจุบันที่ดูแล จะมีทั้งชุมชนที่มีชาวไทยเชื้อสายพุทธ และชาวไทยเชื้อสายมุสลิม อยู่ร่วมในชุมชนเดียวกัน

“ในพื้นที่ของตน ก็มีบ้างที่มีวัตถุแปลกปลอม เช่น ระเบิดเล็ดรอดเข้ามาในพื้นที่ แต่ก็เป็นส่วนน้อย”

อย่างไรก็ตาม เมื่อถามว่าปัจจุบันสถานการณ์ก่อเหตุไม่สงบไม่ได้เน้นก่อเหตุที่เป็นอันตรายต่อชีวิตประชาชน แต่เน้นไปที่การก่อเหตุกับเจ้าหน้าที่ ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร จ.ส.อ.สาคร ระบุ ยอมรับว่าเป็นส่วนหนึ่ง เพราะเจ้าหน้าที่เป็นผู้ดูแลพื้นที่ที่รับผิดชอบแต่ละหมู่บ้านที่จะมีการจัดเตรียมเจ้าหน้าที่จากหลายหน่วยเข้ามาดูแล จึงทำให้ส่วนใหญ่เจ้าหน้าที่ในพื้นที่มักตกเป็นเป้าหมายของการก่อเหตุไม่สงบ

ทั้งนี้ ระบุด้วยว่า แม้ปัจจุบันการก่อเหตุจะลดลงมากแล้ว หากเทียบกับสมัยก่อน แต่ก็ยังคงมีอยู่บ้าง และมีเป็นบางกรณีที่ยังทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตในเหตุการณ์ความไม่สงบ แต่ส่วนใหญ่เป้าหมายของผู้ก่อเหตุความไม่สงบคือเจ้าหน้าที่ของรัฐเสียมากกว่า

จ.ส.อ.สาคร กล่าวต่อว่า ตนเองอาศัยอยู่ในพื้นที่นี้มาประมาณ 10 ปี มองว่าคนในพื้นที่ไม่ได้มีความคิดหรือเรื่องอะไรที่รุนแรงเลย และจากการที่อยู่มานาน ทำให้เห็นว่าผู้ก่อเหตุส่วนใหญ่มองไปที่ตัวเจ้าหน้าที่มากกว่า หากไม่ทราบว่าใครเป็นเจ้าหน้าที่ ก็สามารถใช้ชีวิตอยู่ได้อย่างปกติ และสามารถออกไปใช้ชีวิตภายนอกได้

เมื่อถามถึงภารกิจของหน่วยงานต่างๆ ที่จะต้องช่วยกันสร้างความเข้าใจให้กับประชาชนในพื้นที่ มองว่าเรื่องนี้สำคัญ ซึ่งมีหน่วยของทหารพรานที่รับหน้าที่ในการปฏิบัติ เพื่อคลุกคลีกับผู้คนในพื้นที่ ส่วนของตนก็มีหน้าที่ในเรื่องการเก็บกู้วัตถุระเบิด และดูแลความปลอดภัยของคณะบุคคลสำคัญที่มาเยือน

“การลงปฏิบัติหน้าที่ 1 ครั้งของตน ก็จะพูดคุยกับคนในครอบครัวมาโดยตลอด แม้เขาจะรู้อยู่แล้วว่าเราทำงานอะไร ก็เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องยอมรับให้ได้ว่าอาชีพของตนเสี่ยงอันตราย”

เมื่อถามถึงแรงขับเคลื่อนที่ยังคงทำหน้าที่นี้มากกว่า 10 ปีแล้ว จ.ส.อ.สาคร กล่าวว่า ตนทำงานกับกรมสรรพาวุธโดยตรง ซึ่งเป็นหน้าที่หลักของกรมที่ต้องสนับสนุนเรื่องของการเก็บกู้วัตถุระเบิด และกระสุนอาวุธทั้งหมด ส่วนที่ยังคงทำงานนี้อยู่ เป็นเพราะความชอบส่วนตัว จึงลงมาปฏิบัติหน้าที่ในส่วนนี้

“การปฏิบัติหน้าที่ในหน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด ทุกคนต้องรู้ว่าเรากำลังทำงานอะไร แม้จะรู้ว่าเสี่ยง แต่ด้วยใจรักเลยยังคงปฏิบัติหน้าที่นี้อยู่”

สุดท้ายถามว่าหากสันติภาพเกิดขึ้นจริง จะมีการลดหน่วย EOD ลงหรือไม่ จ.ส.อ.สาคร กล่าวว่า EOD ยังจำเป็น ไม่มีการลดจำนวน เพราะนอกจากการดูแลรักษาความปลอดภัยบุคคลสำคัญ ในอนาคตรูปแบบของวัตถุเหล่านี้มีการปรับเปลี่ยนได้ตลอด ดังนั้น จึงยังต้องมีอยู่ต่อไป.

ทีมข่าวอาชญากรรม รายงาน