จากกรณีช่วงเที่ยงวานนี้ (21 พ.ย.) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองตรัง เข้าควบคุมตัวพระสงฆ์ และฆราวาส แอบเข้าไปนั่งดื่มสุราภายในร้านกาแฟแห่งหนึ่งในเขตเทศบาลนครตรัง จนมึนเมา ก่อนจะเอะอะโวยวายข่มขู่มีอาวุธปืน หลังจากนั้นได้นำตัวไปลาสิกขา กับ เจ้าคณะอำเภอเมืองตรัง โดยช่วงเกิดเหตุ พลเมืองดีสามารถบันทึกคลิปภาพเหตุการณ์ไว้ได้
เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 22 พ.ย. ผู้สื่อข่าวได้ไปที่ร้านที่เกิดเหตุ พร้อมกับได้พูดคุยกับ น.ส.เอ (นามสมมุติ) เจ้าของร้าน เล่าให้ฟังว่า วานนี้ (21 พ.ย.67) ช่วงเที่ยงวัน มีพระสงฆ์ 1 รูป เดินเข้ามานั่งในร้านพร้อมกับฆราวาสอีก 1 คน จากนั้นได้สั่งอาหาร หมูมะนาว กับ ผัดเม็ดมะม่วงหิมพานต์ แต่ทางร้านไม่สามารถทำให้ได้เพราะเป็นร้านกาแฟ มีการโวยวายไม่พอใจ ก่อนจะสั่งกาแฟและอาหารตามสั่ง เป็นข้าวผัดกับลูกมะนาวหั่นชิ้น ระหว่างอยู่ในร้าน ทั้งสองมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม พูดคุยเสียงดัง แล้วยังพูดคุยเรื่องชู้สาว ทั้งที่พระสงฆ์ไม่ควรพูด จากนั้นมีวิน จยย. นำขวดน้ำดื่มใส่น้ำสีขาวมาให้ทั้งสองดื่ม จนมีอาการคล้ายคนเมาสุราโวยวายเสียงดัง กลิ่นสุราคลุ้งไปทั้งร้าน
ระหว่างนั้นมีเพื่อนข้างร้านเดินเข้ามาสอบถามพระว่ามาจากไหน เขาก็บอกว่ามาจากสงขลา ก่อนจะพูดไม่พอใจ ว่ามายุ่งเรื่องของเขาทำไม พร้อมทั้งขู่ว่า พระคนนั้นรู้จักคนใหญ่คนโต มีปืนและยิงคนตายมาแล้ว ก่อนตนจะเข้ามาพูดคุย ซึ่งกลิ่นเหล้าคลุ้งทั้งร้าน และบอกว่าร้านนี้ห้ามดื่มเหล้า ก่อนจะแจ้งตำรวจให้เข้ามา พระและฆราวาสก็เดินออกไปหน้าร้าน พร้อมทั่งขู่ว่ามีอาวุธปืนตลอดเวลา และพูดในทำนองว่า “…กินเหล้าผิดอะไร…” ตนและพนักงานร้านก็หวาดกลัว กระทั่งตำรวจมาถึง ก็เอะอะโวยวายใส่ตำรวจ และไม่พอใจที่ตนแจ้งตำรวจ ขัดขืนไม่ยอมให้ควบคุมตัว และอ้างสารพัดว่ารู้จักคนใหญ่คนโต ซึ่งเขามานั่งในร้านเวลาประมาณ 2 ชั่วโมง
“…รู้สึกหมดความศรัทธา ที่เจอพระลักษณะนี้ แทบจะไม่อยากกราบไหว้พระ เพราะไม่รู้เลยว่า พระที่เราเคยเคารพนับถือ ทำไมถึงทำตัวแบบนี้ แต่ยอมรับว่าพระดีก็มี แต่เราเลือกไม่ถูกว่าคนไหนดีไม่ดี…” สาวเจ้าของร้านกล่าว
เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวไปตรวจปัจสาวะ แต่ไม่พบมีการใช้สารเสพติด ก่อนจะควบคุมตัวไปให้เจ้าคณะอำเภอเมืองตรัง ทำพิธีลาสิกขา ก่อนจะปล่อยตัวไป ไม่ได้ดำเนินคดีตามกฎหมาย เนื่องจากไม่ได้เข้าข้อหาในการกระทำผิดตามกฎหมายแต่อย่างใด.