น.ส.สุมิตรา วงภักดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท เทอร์ร่า มีเดีย แอนด์ คอนซัลติ้ง จำกัด เปิดเผยว่า ทิศทางของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปี 68 มีทิศทางที่ดีขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่ม แมส เซกเมนต์ ที่มียอดขาย (Absorption Rate) เติบโตขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะโครงการคอนโดฯ มิกซ์ ยูส ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ตอบโจทย์มากกว่าการอยู่อาศัย แต่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตแบบรอบด้าน ขณะที่ทาวน์โฮมในเซกมนต์อีโคโนมี ซึ่งครองส่วนแบ่งตลาดมากที่สุด เผชิญกับภาวะชะลอตัว ทั้งในด้านปริมาณการเปิดตัวโครงการใหม่และอัตราการขายที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง สวนทางกับตลาดแมส และ พรีเมียม ที่มีแนวโน้มการเติบโตอย่างเห็นได้ชัด
ส่วนตลาดบ้านเดี่ยวระดับ อีโคโนมี อยู่ในช่วงชะลอจากสภาวะเศรษฐกิจ ทั้งจํานวนโครงการใหม่และอัตราการขายที่ลดลง สอดคล้องกับทิศทางตลาดบ้านเดี่ยวพรีเมียม และลักชัวรี่ยอดขายเริ่มคงที่ แต่ความต้องการ ยังคงขยายตัวมีการเปิดตัวโครงการใหม่อย่างต่อเนื่อง ขณะที่ตลาดที่อยู่อาศัยระดับลักชัวรี่ยังคงเติบโตต่อเนื่อง โดยในช่วง 11 เดือนของปี 2567 มีการเปิดตัวโครงการใหม่ 34 โครงการ 998 ยูนิต มีถึง 4 โครงการที่มีขนาดมากกว่า 100 ล้านบาท จํานวน 27 ยูนิต ส่วนยอดขาย เฉลี่ยอยู่ที่ 1ยูนิต/เดือน/โครงการ สำหรับทําเลบ้านหรูที่เป็นที่นิยม มียอดขายสูงสุด ได้แก่ บางแค-ศาลายา-ราชพฤกษ์, เกษตรนวมินทร์-รามอินทรา และ สมุทรปราการ-บางนา-ลาดกระบัง
ส่วนทำเลคอนโดฯ ที่มีอัตราการขาย ในช่วง 9 เดือนของปี 2567 ที่น่าจับตามอง ส่วนใหญ่จะเป็นโซนกรุงเทพฯ รอบนอกโซนฝั่งตะวันออกและโซนเหนือ เนื่องจากมีรถไฟฟ้า BTS และ MRT เข้าถึง ใกล้มหาวิทยาลัยและแหล่งงานนิคมอุตสาหกรรม ขณะที่ทําเลทาวน์โฮมที่น่าจับตามอง กระจายอยู่บริเวณกรุงเทพฯ รอบนอก โซนที่มีอัตราการขายสูงที่สุดได้แก่ รามอินทรา-มีนบุรี รองลงมาคือบางแค-เพชรเกษม, บางนา-บางบ่อ, พุทธมณฑล- ศาลายา และรังสิต-ปทุมธานี ส่วนทําเลบ้านเดี่ยวและบ้านแฝดที่เป็นนิยม อยู่ในโซนกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันตกเป็นส่วนใหญ่ โซนที่มีอัตราการขายสูงสุด ได้แก่ บางใหญ่-บางบัวทอง, สุขสวัสดิ์- ประชาอุทิศ และเพชรเกษม-บางบอน รองลงมาคือโซนรามอินทรา-วงแหวน-จตุรโชติ และโซนสมุทรปราการ-บางนา
จากภาพรวมของตลาดอสังหาฯ ที่ยังไม่ได้กลับมาฟื้นตัวเต็มที่นี้เอง ยังสะท้อนผ่านสัดส่วนรายได้และอัตรากำไรของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ 35 แห่ง ที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ โดยจะพบว่าสัดส่วนรายได้รวม จนถึงไตรมาส 3 ของปี 2567 อยู่ที่ 222,879 ล้านบาท ลดลงจากปีที่แล้ว ซึ่งอยู่ที่ 331,144 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อรายได้อยู่ที่ 20,794 ล้านบาท คิดเป็น 9.3% ลดลงจากปีที่แล้ว ซึ่งอยู่ที่ 38,516 ล้านบาท คิดเป็น 11.6% ส่วนภาพรวมตลาดต่างอสังหาฯ ในต่างจังหวัด ภูเก็ตยังคงครองแชมป์จังหวัดที่มีการเติบโตสูงสุด