เมื่อวันที่ 22 พ.ย. ที่ สภ.พระนครศรีอยุธยา พระสิทธิชัยสุภทุโทสิทธิชัย หรือ “พระอาจารย์ตั้ม” เที่ยงตรง อายุ 64 ปี พระลูกวัดประดู่ทรงธรรม เป็นเกจิอาจารย์ สำนักวัดประดู่ทรงธรรม เดินทางแจ้งความขอลงบันทึกประจำวัน ไว้เป็นหลักฐานกับ พ.ต.ต.ธงชัย แก้วจรูญ รอง สว.(สอบสวน) สภ.พระนครศรีอยุธยา ว่าเมื่อก่อนเข้าพรรษาเดือน พ.ค. 2567 ได้มี พระกิตติทัศน์ หรือ พระเบส รุ่งเรือง อายุ 20 ปี ได้มาหาที่วัด เข้ามาพูดคุยมีความเลื่อมใสศรัทธาในพระอาจารย์ตั้ม และอยากที่จะสร้างพระพุทธรูป และวัตถุมงคล โดยจะเป็นผู้จัดสร้างทั้งหมด มีการเดินทางมาพูดคุยรายละเอียดหลายครั้ง วิธีการสั่งจองวัตถุมงคล การเปิดเพจ การนิมนต์พระ ต่อมา พระเบส ได้มีการพา พระอาจารย์ตั้ม ไปเปิดบัญชีธนาคาร เพื่อใช้รับการสั่งจองวัตถุมงคลและร่วมทำบุญเททองหล่อพระพุทธรูป แต่กลับนำบัญชีธนาคารดังกล่าวไปเปิดใช้งานในแอปพลิเคชัน โดยที่พระอาจารย์ตั้มไม่ทราบ
ต่อมา พระเบส ได้โพสต์ผ่านเพจสำนักกัมมัฏฐานวัดประดู่ทรงธรรม ประกาศเชิญชวนให้ประชาชนสั่งจองพระวัตถุมงคล ให้โอนเงินเข้าบัญชีธนาคาร ชื่อบัญชีที่ไปเปิดไว้ และพระกิตติทัศน์ และมาทราบภายหลังว่าได้มีการเบิกถอนเงินทางแอปพลิเคชันออกไป เพราะมีประชาชนโทรศัพท์มาสอบถามและมาติดตามสอบถามที่วัดถึงเรื่องการจองวัตถุมงคลที่ได้จองไป จึงทราบว่า พระกิตติทัศน์ มาหลอกเปิดบัญชี และไปหลอกลวงประชาชนทั่วไปโดยแอบอ้างผู้แจ้งให้ประชาชนทั่วไปหลงเชื่อเข้ามาจองพระจากตนเอง จึงได้เข้ามาแจ้งความลงบันทึกไว้เป็นหลักฐาน ว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องหรือหลอกลวงและการกระทำกับพระกิตติทัศน์ ดังกล่าวแต่อย่างใด
โดย พระอาจารย์ตั้ม เปิดเผยอีกว่า ครั้งแรกที่พระเบส เข้ามาบอกว่า มีความเลื่อมใสศรัทธาในตัวตนเองที่เป็นพระเกจิอาจารย์ และบวชพระมามีความตั้งใจที่จะสร้างพระพุทธรูปถวายให้กับวัด และอยากหารายได้มอบให้กับทางวัดด้วยโดยจะเป็นผู้ดำเนินการให้ทั้งหมดทางตนและวัดไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ เพียงแค่เปิดบัญชีเพื่อใช้ในการรับโอนเงินและร่วมสมทบทุนหล่อพระ และใช้สถานที่ในการหล่อพระและปลุกเสกวัตถุมงคล จึงหลงเชื่อยอมเปิดบัญชีธนาคาร เพราะในวันที่มีการเททองหล่อพระพุทธรูป มีการนิมนต์พระชั้นผู้ใหญ่ระดับสมเด็จ พระเกจิอาจารย์มาร่วมในพิธีเททองหล่อพระและปลุกเสก พิธีจัดได้ยิ่งใหญ่ จนต่อมาเริ่มมีประชาชนติดต่อสอบถามเรื่องการรับวัตถุมงคล และมีพิธีปลุกเสกวัตถุมงคลที่จะต้องปลุกเสก จึงพยายามทวงถาม ก็บ่ายเบี่ยงเลื่อนวันไปเรื่อย ๆ จนไม่สามารถติดต่อได้ จึงทราบว่าถูกหลอก พอไปขอตรวจสอบบัญชีธนาคารกับทางธนาคาร จึงพบว่ามีเงินโอนเข้ามาจำนวนกว่าหนึ่งล้านบาท และถูกถอนออกไปจนเกือบหมดแล้ว
ด้านลูกศิษย์ของพระอาจารย์ตั้ม เปิดเผยว่า ตนเองเห็นพระเบส เข้ามาที่วัด แล้วพบกับพระอาจารย์ตั้มหลายครั้ง มาพูดคุยเรื่องการสร้างวัตถุมงคลและเททองพระโดยบอกว่าเป็นพระอยู่ที่วัดชื่อดังในกรุงเทพมหานคร จะมาช่วยพัฒนาสร้างสำนักปฏิบัติธรรมและจะสร้างพระพุทธรูปประจำสำนักปฏิบัติธรรมพร้อมกับสร้างวัตถุมงคลเพื่อมอบให้กับทางวัดโดยในวันที่มีการเททองหล่อพระมีนิมนต์พระระดับพระชั้นสมเด็จ พระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์และพระเกจิอาจารย์ชื่อดังมาร่วมในพิธีเททองหล่อจัดพิธีอย่างยิ่งใหญ่มีทีมงานมาจัด และมีกำหนดที่จะต้องปลุกเสกวัตถุมงคลอีก แต่เลื่อนการปลุกเสกมาตลอด
จนกระทั่งอีกฝ่ายเงียบหายไป ขาดการติดต่อ เพราะเริ่มมีประชาชนเข้ามาสอบถามติดตามหาวัตถุมงคลและทราบว่ามีทางโรงหล่อมาติดต่อตามหาเพราะค้างค่าหล่อพระอีก 40,000 บาท ค่าวัตถุมงคลอีก 60,000 บาท ทางโรงหล่อทราบว่ามีการมาเททองและปลุกเสกที่วัดจึงมาติดต่อสอบถามพี่วัด เพราะติดต่อทางพระเบสไม่ได้ ทางพระอาจารย์ตั้ม จึงทราบว่าถูกหลอก รีบเข้ามาแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานว่า ทางพระอาจารย์ตั้มไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ถูกพระเบสหลอกให้เปิดบัญชีแล้วโอนเงิน จึงอยากขอฝากชี้แจงผ่านไปยังประชาชนและลูกศิษย์พระอาจารย์ตั้มให้ทราบว่า ทางพระอาจารย์ตั้มและทางวัดมีส่วนเกี่ยวข้องในการรับจองวัตถุมงคล โดยขณะนี้ขอให้ประชาชนที่เสียหาย มีการสั่งจองวัตถุมงคลเข้ามาให้แจ้งความเพื่อดำเนินคดีกับพระ ซึ่งจากการตรวจสอบยอดเงินในบัญชีธนาคารเริ่มมีการโอนเงินเข้ามารวมทั้งหมด 1,144,334 บาท และมีการถอนออกไปเหลือติดบัญชีอยู่เพียง 200 บาท
เบื้องต้นพนักงานสอบสวนของ สภ.พระนครศรีอยุธยา ได้ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน โดยในส่วนของความเสียหายขนาดนี้พระอาจารย์ตั้มยังไม่เป็นผู้เสียหาย เพียงแค่ถูกนำชื่อและบัญชีธนาคารไปใช้ในการฉ้อโกง ซึ่งผู้ที่นำไปใช้จะถูกดำเนินคดีในข้อหาฉ้อโกงโดยแสดงตัวเป็นบุคคลอื่นซึ่งผู้เสียหายที่มีการสั่งจองวัตถุมงคลสามารถแจ้งความดำเนินคดีได้ทุกสถานีตำรวจ โดยนำหลักฐานในการโอนเงินไปแจ้งกับเจ้าหน้าที่
ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปตรวจสอบที่วัดประดู่ทรงธรรม บริเวณซึ่งเป็นสำนักปฏิบัติธรรมกรรมฐาน ที่มีการตั้งพระพุทธมงคลธรรมวิศิษฎ์ และรูปเหมือน อาจารย์จาบ สุวรรณ ทีมีการเททองหล่อสร้างเสร็จแล้ว ไว้ในศาลาปฏิบัติธรรม รวมถึงอุปกรณ์เครื่องมือในการประกอบพิธี