“ศูนย์วิจัยกสิกรไทย” รายงานเงินบาทสัปดาห์ที่ผ่านมาแข็งค่าขึ้นในช่วงต้นสัปดาห์ หลังตัวเลขจีดีพีของไทยในไตรมาสที่ 3/2567 ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาด นอกจากนี้ เงินบาทยังมีแรงหนุนเพิ่มเติมจากการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำในตลาดโลก ขณะที่เงินดอลลาร์ ยังเผชิญแรงขายทำกำไรและปรับโพสิชั่นอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่ปรับตัวขึ้นมาค่อนข้างมากในช่วงก่อนหน้านี้
เงินบาทลดช่วงบวกบางส่วนลงในช่วงกลางสัปดาห์ ท่ามกลางแรงกดดันจากสถานะขายสุทธิหุ้นและพันธบัตรไทยของนักลงทุนต่างชาติ ประกอบกับเงินดอลลาร์ ทยอยฟื้นตัวกลับมา เนื่องจากตลาดเปลี่ยนจุดสนใจ กลับมารอประเมินนโยบายและมาตรการต่างๆ ของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีคนที่ 47 ของสหรัฐ และความไม่แน่นอนของโอกาสการลดดอกเบี้ยของเฟดในเดือน ธ.ค. อย่างไรก็ดี เงินบาทแข็งค่ากลับมาอีกครั้งในช่วงปลายสัปดาห์ ตามแรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำในตลาดโลกท่ามกลางสัญญาณตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครน
ในวันศุกร์ที่ 22 พ.ย. 2567 เงินบาทปิดตลาดในประเทศที่ 34.58 บาทต่อดอลลาร์ เทียบกับระดับ 34.82 บาทต่อดอลลาร์ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (15 พ.ย. 67) สำหรับสถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติระหว่างวันที่ 18-22 พ.ย. 2567 นั้น นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นไทย 907 ล้านบาท และมีสถานะอยู่ในฝั่ง Net Outflows ออกจากตลาดพันธบัตรไทย 1,330 ล้านบาท (แบ่งเป็น ซื้อสุทธิพันธบัตร 91 ล้านบาท หักด้วยตราสารหนี้หมดอายุ 1,421 ล้านบาท)
สัปดาห์ระหว่างวันที่ 25-29 พ.ย. ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทที่ระดับ 34.40-34.90 บาทต่อดอลลาร์ ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขการส่งออกและรายงานเศรษฐกิจและการเงินเดือน ต.ค. ของไทย รวมถึงทิศทางเงินทุนต่างชาติ สกุลเงินเอเชียและราคาทองคำในตลาดโลก
ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน พ.ย. ยอดขายบ้านใหม่ ดัชนีราคา PCE/Core PCE ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน และยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขายเดือน ต.ค. ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3/2567 (ครั้งที่ 2) ข้อมูลจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และรายงานการประชุมเฟดเมื่อวันที่ 6-7 พ.ย. นอกจากนี้ ตลาดยังรอติดตามข้อมูลกำไรภาคอุตสาหกรรมเดือน ต.ค. ของจีน และอัตราเงินเฟ้อเดือน พ.ย. ของยูโรโซนด้วยเช่นกัน