เมื่อวันที่ 22 พ.ย.ที่บริเวณลานเอนกประสงค์ด้านหน้าสิมอีสาน วัดป่าแสงอรุณ ต.พระลับ อ.เมือง จ.ขอนแก่น พระพรหมวชิรดิลก ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 9 (ธรรมยุต) และเจ้าอาวาสวัดป่าแสงอรุณ เป็นประธานเปิดลานวัฒนธรรมตำบลพระลับ เนื่องในโอกาสเจริญอายุวัฒนมงคล 79 ปี พระพรหมวชิรดิลก ซึ่งเทศบาลตำบลพระลับ ร่วมกับชาวชุมชน ได้กำหนดจัดกิจกรรมขึ้น โดยมีชาวชุมชนในเขต ต.พระลับ และพื้นที่ใกล้เคียงเข้าร่วมกิจกรรมอย่างพร้อมเพรียง           

โดยภายในงานได้จัดให้มีการรำบูชาพระพรหมวชิรดิลก และสิมอีสาน ด้วยนางรำจากทั้ง 19 หมูบ้าน และญาติธรรมกว่า 200 คน การแสดงศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้าน จากชุมชนในเขต ต.พระลับ และคณะศิษยานุศิษย์ที่มาร่วมกิจกรรม และแสดงการละเล่นพื้นเมืองและการละเล่นต่างๆ ในกิจกรรมลานวัฒนธรรมดังกล่าว ขณะเดียวกันนายวัฒนา ช่างเหลา นายก อบจ.ขอนแก่น ได้ถวายมาลัยกร ผ้าไตรและกระเช้าของขวัญเพื่อร่วมเจริญอายุวัฒนมงคลถวายแด่พระพรหมวชิรดิลก และร่วมรับชมการแสดงต่างๆ จากชาวชุมชนอีกด้วย           

นายวัฒนา ช่างเหลา นายก อบจ.ขอนแก่น กล่าวว่า กิจกรรมลานวัฒนธรรมตำบลพระลับ เป็นกิจกรรมที่สำคัญ ยิ่งใหญ่และได้รับความร่วมมือจากชาวชุมชนทั้ง 19 หมู่บ้านอย่างมาก ดูได้จากการพร้อมใจกันร่วมรำถวายหลวงปู่และสิมอีสาน ด้วยท่ารำประกอบเพลง 3 ชุดการแสดง เริ่มจากรำอวยพรบายศรีหลวง, รำน้อมบูชาพระคุณพระพรหมวชิรดิลก และรำลายน้อมศิระกราบก้ม พระพรหมวิชรดิลก ซึ่งสื่อถึงพลังของชาวพระลับ ที่ร่วมแรงร่วมใจในงานบุญใหญ่ของตำบล นอกจากนี้ยังคงมีการแสดงกลองยาว, การเต้นบาสโลบ และการแสดงประกอบเพลงอีสานเมืองม่วน งิ้วต่องต้อน อีกด้วย           

“ขณะเดียวกันยังคงมีการแสดงโปงลางและการละเล่นพื้นเมืองจากโรงเรียนกัลยาณวัตร, โรงเรียนขอนแก่นวิทยายน 2 รวมทั้งการแสดงจากหน่วยงาน, ชมรม, ศิลปินพื้นบ้านอีกจำนวนมาก ซึ่งโดยส่วนตัวยอมรับว่าเป็นงานแรกที่เข้ารับตำแหน่ง นายก อบจ.ขอนแก่น ได้มาร่วมกิจกรรมสำคัญของคนพระลับ ซึ่ง อบจ.ขอนแก่น จะประสานการทำงานร่วมกันกับเทศบาลตำบลพระลับ ในการร่วมทำให้กิจกรรมลานวัฒนธรรมตำบลพระลับ ให้เป็นงานระดับอำเภอและจังหวัด ในรูปแบบของเทศกาลไหว้สิมอีสานและลานวัฒนธรรมคนขอนแก่น ซึ่งจะต้องจัดขึ้นในทุกวันที่ 23 พ.ย. ของทุกปี เพื่อให้เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่สำคัญของจังหวัด ที่นักท่องเที่ยวจะได้มากราบขอพรหลวงปู่และชมความสวยงามของสิมอีสาน รวมทั้งการชมการละเล่นพื้นเมืองของคนพระลับและคนขอนแก่น จนนำไปสู่การสร้างรายได้ และกระตุ้นภาพรวมการท่องเที่ยวโดยเฉพาะสายบุญได้อีกด้วย”