ปลดล็อกสลัดพันธนาการไปได้อีกหนึ่งศึก สำหรับ นายใหญ่ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หลังศาลรัฐธรรมนูญไม่รับคำร้อง ของ นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ทนายความ ที่ยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 ที่กล่าวหาว่า นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และ พรรคเพื่อไทย ใช้สิทธิเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองฯ
ตามคำร้องที่ค้างคาใจประชาชนอยู่ 6 คำร้องของนายธีรยุทธ คือ 1. การไม่รับโทษในเรือนจำแม้แต่วันเดียว 2. มีพฤติกรรมฝักใฝ่คบหาร่วมคิดกับสมเด็จฯฮุน เซน โดยให้มีการเจรจาพื้นที่ที่ฝ่ายกัมพูชาอ้างว่าเป็นเขตพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล (MOU 2544) เพื่อแบ่งผลประโยชน์ 3.ร่วมมือเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญกับพรรคก้าวไกล 4. มีพฤติการณ์สั่งการพรรคร่วมรัฐบาล ในการเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ที่บ้านจันทร์ส่องหล้า 5.สั่งการให้พรรคเพื่อไทย มีมติขับพรรคพลังประชารัฐออกจากพรรคร่วมรัฐบาล และ 6.สั่งการให้รัฐบาลนำวิสัยทัศน์ ที่แสดงไว้เมื่อวันที่ 22 ส.ค.67 ไปดำเนินการให้เป็นนโยบายคณะรัฐมนตรีที่แถลงต่อรัฐสภา
ซึ่งการที่ศาลไม่รับคำร้องในครั้งนี้ เป็นจุดเริ่มต้นของการเริงร่า ในการตอกเสาเข็มฐานอำนาจ ที่สนามแรกคงจะหนีไม่พ้นสนามเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนท้องถิ่น อุดรธานีที่นายทักษิณ ได้ขึ้นเวทีปราศรัยอย่างดุเดือดเพื่อที่จะทวงคืนเมืองหลวงเสื้อแดง ที่จะขยับออกไปอีกในหลายสนาม ถือว่าจะเป็นการปูฐาน สู่สงครามครั้งใหม่ในการเลือกตั้งปี 2570
การห้ำหั่นของคู่แข่ง ของพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาชน ก็จะมีเพิ่มขึ้น ซึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติของการเมือง แต่ถ้าเมื่อไหร่จะเป็นสนามที่ต่อสู้กันของพรรคร่วมรัฐบาล ก็จะเป็นการตอกลิ่มรอยร้าว โดยเฉพาะพรรคภูมิใจไทย ที่มีปัญหาไม่ลงรอยกันในหลายประเด็น ที่ 3 มาสะเทือนบัลลังก์ได้ ที่แม้ว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย จะบอกไว้ว่า รัฐบาลต้องทำงานอยู่ตลอดเวลา จะมีอุปสรรคหรือความราบรื่นใดๆ ก็เป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องเผชิญอยู่ทุกวัน ไม่มีปัญหาใดๆ ไม่ว่าใครจะประสบปัญหาอะไร รัฐบาลก็ยังอยู่บริหารประเทศ
ขณะเดียวกัน ทุกคนก็จะได้เห็นยุทธการการเอาคืนกลุ่มนักร้อง ที่ล่าสุดคณะทำงานฝ่ายกฎหมายของพรรคเพื่อไทย มีมติยื่นฟ้องผู้ยื่นคำร้องกรณีกล่าวหาพรรคเพื่อไทยล้มล้างการปกครอง ในข้อหาร้องเท็จต่อศาลอาญา หลังศาลรัฐธรรมนูญไม่รับคำร้อง โดยมองว่าการฟ้องโดยอ้างว่าล้มล้างการปกครองถือเป็นเรื่องร้ายแรง เป็นเรื่องคอขาดบาดตายสำหรับพรรคการเมือง ถือเป็นความผิดมหันต์ที่เขากล่าวหาเราเช่นนี้
และที่น่าจับตามองคือการเอาคืนกลุ่มนักร้องบ้านป่า จะเป็นอย่างไร เพราะมองว่าเรื่องนี้ เป็นการใช้นิติสงครามเข้าสู้ซึ่งกันและกัน แต่ทั้งนี้ต้องยอมรับว่าคดีที่เหลืออยู่อย่างคดีสนามกอล์ฟอัลไพน์ที่ยังคงค้าง ซึ่งนี่จะเป็นตัวตัดเชือกการเมืองของรัฐบาลและพรรคเพื่อไทยอีกรอบหรือไม่