เรียกว่าเริงร่าเป็นเสือติดปีก เมื่อศาลรัฐธรรมนูญไม่รับคำร้องปมนายใหญ่ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี และพรรคเพื่อไทยล้มล้างการปกครอง ใน 6 ประเด็นคำร้องของนักร้องสายบ้านป่าที่พกความแค้นสุมทรวง หวังใช้นิติสงครามล้างไพ่ล้มกระดานการเมืองไทยใหม่อีกรอบ
ก่อนหน้านี้ “ทักษิณ” ได้ส่งสัญญาณมาแล้ว ในการออนทัวร์ช่วยหาเสียงนายก อบจ.อุดรธานี กวักมือเรียกมวลชนคนเสื้อแดงให้กลับบ้านหลังเดิมคือพรรคเพื่อไทย พร้อมประกาศตัวเป็นหัวหอกฟาดฟันกับเหล่าด้อมส้ม “พรรคประชาชน” ให้ทราบโดยทั่วกันว่าวันนี้ตัวเลือกที่ดีที่สุดของฝ่ายอนุรักษ์นิยมจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากอดีตนายกฯ คนที่ 23 ของประเทศไทยคนนี้ ดังนั้นในจังหวะนี้ผู้นำทางจิตวิญญาณของพรรคเพื่อไทยจึงไม่ใช่หมูในอวยที่หอกดาบตุลาการภิวัตน์จะซัดเข้าหาได้

ฟากพรรคเพื่อไทยได้ทีออกมาขย่มซ้ำจ่อเอาคืนนักร้อง เตรียมฟ้องเอาผิดฐานฟ้องเท็จและหมิ่นประมาท โดยจะฟ้องต่อศาลอาญา และตรวจสอบว่าเข้าข่ายกฎหมายใดเพิ่มเติม ที่สำคัญจะสาวไปให้ลึกว่าใครแอบอยู่ข้างหลังนักร้องเหล่านี้ โดย “วิสุทธิ์ ไชยณรุณ” ประธาน สส.พรรคเพื่อไทย ระบุว่า ฝ่ายกฎหมายของพรรคได้ร่างคำฟ้องแล้ว เชื่อว่าคงใช้เวลาไม่นาน เนื่องจากล้มล้างการปกครองเป็นข้อหารุนแรง เป็นการใส่ร้ายที่หนักหนา เมื่อเป็นเช่นนี้ยืนยันว่ายังไงต้องฟ้องให้อภัยไม่ได้
ขณะที่ซีกพรรคประชาชน “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” ที่ปรึกษาประธานคณะก้าวหน้า ยอมรับผลคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญครั้งนี้ ว่า ทำถูกแล้ว ยกกรณีของพรรคก้าวไกลมาเทียบ การล้มล้างการปกครอง มีเพียงแค่รัฐประหาร การแบ่งแยกดินแดน และการเปลี่ยนแปลงรูปแบบของรัฐ ดังนั้นจึงไม่ควรมีองค์กรใดถูกองค์กรอิสระยุบพรรคได้ง่ายๆ เหมือนในอดีตที่ผ่านมา และขอให้พรรคก้าวไกลเป็นพรรคสุดท้ายที่ถูกยุบโดยศาลรัฐธรรมนูญ

อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ยังไม่ได้จบแบบแฮปปี้เอนดิ้ง เพราะยังมีคำร้องที่ถูกยื่นต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ซึ่ง “แสวง บุญมี” เลขา กกต. ประกาศว่า กกต.พร้อมลุยสอบต่อว่ากรณีดังกล่าวผิดกฎหมายพรรคการเมือง ที่จะนำไปสู่การยุบพรรคเพื่อไทยได้หรือไม่ เพราะเป็นข้อเท็จจริงเดียวกัน แต่ศาลรัฐธรรมนูญและ กกต. ถือกฎหมายคนละฉบับ ดังนั้นคำร้องที่ยื่นต่อ กกต.ยังเดินหน้าต่อ
ในส่วนนี้ก็อาจเป็นเครื่องเตือนใจไว้ว่า “พรรคเพื่อไทย” ยังคงมีชนักปักหลังไว้เหมือนเดิม และพร้อมจะถูกนำมาเป็นเครื่องมือประหารทางการเมืองอยู่ตลอดเวลา เพราะหาก กกต. พิจารณาครบถ้วนแล้ว โดยเฉพาะในประเด็นชวนพรรคร่วมรัฐบาล “กินมาม่า” ที่บ้านจันทร์ส่องหล้านั้น “ทักษิณ” เป็นบุคคลภายนอก แต่มีส่วนควบคุมและชี้นำพรรคเพื่อไทยจนขาดความเป็นอิสระหรือไม่
สุดท้ายคำร้องนี้จะกลับไปสู่ศาลรัฐธรรมนูญอีกเมื่อไรนั้น ก็ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของ กกต. และมือที่มองไม่เห็นที่ขึ้นมามีอำนาจเหนือองค์กรอิสระนี้ในอนาคต.