สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานจากกรุงมานากัว ประเทศนิการากัว เมื่อวันที่ 25 พ.ย. ว่า แม้ออร์เตกา ตกอยู่ภายใต้การคว่ำบาตรจากกรณีการละเมิดสิทธิมนุษยชน เขาก็เสนอการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวด้วยตัวเอง ซึ่งเพิ่มวาระการดำรงตำแหน่งของประธานาธิบดีนิการากัว จาก 5 ปี เป็น 6 ปีด้วย

เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา สภานิติบัญญัติแห่งชาตินิการากัว ภายใต้การควบคุมของพรรคเอฟเอสแอลเอ็นของออร์เตกา ซึ่งเป็นพรรครัฐบาล และนายกุสตาโว ปอร์รัส ประธานรัฐสภา ระบุว่า มาตรการเพิ่มอำนาจให้กับประธานาธิบดี และสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง ได้รับการอนุมัติ “อย่างเป็นเอกฉันท์”

ประธานาธิบดีดาเนียล ออร์เตกา ผู้นำนิการากัว (ขวา) และนางโรซาริโอ มูริลโญ สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง และรองประธานาธิบดีนิการากัว (ซ้าย)

อนึ่ง การเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ทำให้รัฐบาลมานากัว สามารถควบคุมสื่อและคริสตจักรได้อย่างเข้มงวดยิ่งขึ้น ส่งผลให้ออร์เตกาและมูริลโล ไม่ตกอยู่ภายใต้ “ผลประโยชน์ของต่างประเทศ” ตลอดจนมอบอำนาจให้แก่ประธานาธิบดีร่วม ในการประสานงานกับหน่วยงานด้านกฎหมาย, ตุลาการ, การเลือกตั้ง, การควบคุม และการกำกับดูแลทั้งหมด ทั้งในระดับเทศบาลและภูมิภาค ซึ่งก่อนหน้านี้เป็นอิสระ ภายใต้รัฐธรรมนูญของนิการากัว

ด้านนายมานูเอล โอรอซโก นักวิเคราะห์ชาวนิการากัว จากสถาบันวิจัย “อินเตอร์-อเมริกัน ไดอะล็อก” กล่าวว่า การปฏิรูปดังกล่าว รับประกันการสืบทอดตำแหน่งประธานาธิบดีนิการากัว ของนายลอเรอาโน ออร์เตกา บุตรชายของผู้นำนิการากัวและภริยา

ขณะที่นายซัลวาดอร์ มาเรนโก ทนายความด้านสิทธิมนุษยชน ซึ่งลี้ภัยอยู่ในคอสตาริกา กล่าวเสริมว่า การเปลี่ยนแปลงนี้ จะยุติความหลากหลายทางการเมือง และหลักการเรื่องการแบ่งอำนาจ.

เครดิตภาพ : AFP