เมื่อวันที่ 25 พ.ย. นายโสภณ ซารัมย์ สส.พรรคภูมิใจไทย และประธานที่ปรึกษามูลนิธิอาณัตพล ซารัมย์(ลูกเติ้ง) ซึ่งเป็นแม่งานโครงการรวมพลังรักศรัทธา แก้ไขปัญหายาเสพติดแบบบูรณาการ ผนึกกำลังร่วมกับ ตำรวจเมืองบุรีรัมย์ ,สาธารณสุข ,ฝ่ายปกครอง และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
ตามแผนยุทธศาสตร์ 3 ขั้น เริ่มจากการปิดหมู่บ้านตอนเช้ามืด เคาะประตูตรวจปัสสาวะทุกคนที่มีอายุตั้งแต่ 13-60 ปี หากพบมีใครฉี่เป็นสีม่วงจะเอามาเข้าสู่ศูนย์บำบัดประจำอำเภอ เป็นระยะเวลา 7 วัน หากบำบัดครบ จะให้โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพชุมชน ติดตามตรวจปัสสาวะทุก 7 วัน หากตรวจพบว่ายังไม่เลิกจะเข้าสู่ขั้นที่ 2 คือการนำตัวส่งโรงพยาบาลเพื่อทำการรักษาและบำบัดอีกครั้ง แต่หากออกมาแล้วเสพอีกจะเข้าสู่กระบวนที่ 3 คือนำตัวไปบำบัดศูนย์ใหญ่ที่อำเภอพุทไธสง ครั้งนี้จะต้องอยู่บำบัดเป็นเวลา 4 เดือน
นายโสภณ กล่าวว่า โครงการดังกล่าวได้ดำเนินการมาได้ประมาณปีเศษ ปีนี้จะมีความเข้มข้นขึ้นเพราะยาเสพติดแพร่ระบาดอย่างหนักทุกหมู่บ้าน การปิดหมู่บ้านตรวจปัสสาวะ เราจะสุ่มเลือกหมู่บ้านโดยไม่มีใครรู้มาก่อน การดำเนินการที่ผ่านมาถือว่ากำลังไปได้ดี เพราะชาวบ้านต่างออกมาตอบรับกับโครงการไม่มีใครมาต่อต้าน และหากผู้เสพเลิกได้ ทางมูลนิธิฯจะร่วมกับหน่วยงานเกี่ยวข้อให้ฝึกงานแล้วหางานให้
นายโสภณ กล่าวด้วยว่า สิ่งที่น่าตกใจคือผลการตรวจปัสสาวะที่พบแอมเฟตามีน ในพระเพิ่งสึกมาได้ 8 วัน กับเด็กชาย 13 ปี และคนแก่พิการ ซึ่งทั้ง 2 ยืนกรานว่าไม่เคยเสพยาบ้า แต่ยอมรับเพียงว่าดื่มน้ำกระท่อมที่ซื้อมา และเสพกัญชาเท่านั้น แต่ผลกลับออกมาเจอสารยาบ้า จึงให้มีการตรวจละเอียดซ้ำอีกครั้ง และหากพบผลออกมายืนยันว่าเป็นแอมเฟตามีน หรือยาบ้าจริง มีความเป็นไปได้หรือไม่ว่ามีการเอายาบ้าไปผสมกับน้ำกระท่อมหรือกัญชาด้วย แล้วนำมาจำหน่าย อันนี้น่าเป็นห่วงเพราะมันเกินกว่า 4 คูณ 100 ที่เราพบกัน
นายโสภณ กล่าวอีกว่า จริงแล้วไม่ใช่หน้าที่ของสส. ที่จะต้องมาดำเนินโครงการแบบนี้ แต่ตนในฐานะที่เป็นผู้แทนเห็นความเดือดร้อนของประชาชน โดยเฉพาะพ่อแม่ผู้ปกครอง ต่างได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก เพราะยาเสพติดที่มีแนวโน้มรุนแรงขึ้น หากไม่มีการร่วมมือกันจะแก้ไขได้ยาก.