เมื่อวันที่ 28 พ.ย. เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ เปิดปฏิบัติการ “หมูเถื่อน บอลำ” นำโดย พ.ต.ต.ณฐพล ศิษยธรรม ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม ดีเอสไอ พร้อมเจ้าหน้าที่ นำหมายค้นศาลจ จ.เชียงใหม่ เข้าตรวจค้นเป้าหมาย 4 จุด ในพื้นที่ อ.สารภี อ.สันทราย อ.จอมทอง และ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ เพื่อค้นหาหลักฐานการสำแดงการนำเข้าเท็จ และสอบปากคำผู้เกี่ยวข้อง หลังจากดีเอสไอ ตรวจพบเนื้อหมูเถื่อน 15 ตู้คอนเทเนอร์ ถูกขนมาไว้ที่เชียงใหม่
โดยสืบเนื่องมาจากคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ได้ทำการสอบสวนพบว่าบริษัทแห่งหนึ่ง โดยมีผู้ต้องหาในคดีพิเศษที่ถูกดำเนินคดีแล้ว ในความผิดตาม พ.ร.บ.ศุลกากร และ พ.ร.บ.ปศุสัตว์ เป็นผู้ใช้ให้บริษัทชิปปิ้งถูกดำเนินคดีแล้วเช่นกัน เป็นตัวแทนนำเข้าสินค้าประเภทซากสัตว์ (สุกร) เข้ามาในประเทศไทย จำนวนกว่า 200 ตู้คอนเทเนอร์ แต่ละตู้น้ำหนักประมาณ 25000 กิโลกรัม โดยสำแดงสินค้าเป็นปลา จึงไม่ต้องเสียภาษีศุลกากรตามกฎหมาย อ้างในใบอนุญาตนำหรือเคลื่อนย้ายสัตว์หรือซากสัตว์ เข้า ออก ผ่านหรือภายในเขตโรคระบาดชั่วคราว เขตโรคระบาด หรือเขตเฝ้าระวังโรคระบาด (ร.) ว่า นำไปฝากที่บริษัทห้องเย็นในจังหวัดสมุทรสาคร คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ได้นำหมายค้นศาลอาญาเข้าตรวจค้นบริษัทดังกล่าว ปรากฏข้อเท็จจริงว่า บริษัทห้องเย็นดังกล่าวไม่ได้รับฝากสินค้าดังกล่าวแต่อย่างใด
คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ จึงได้กลับไปตรวจสอบการนำเข้าสินค้าตั้งแต่ต้นทางจากการท่าเรือแหลมฉบัง และศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง พบว่ามีรายการขนย้ายตู้สินค้าออกจากท่าเรือแหลมฉบัง จำนวนมาก ส่งขึ้นมาทางภาคเหนือของประเทศไทย และพบว่ามีจำนวน 15 ตู้ เมื่อรวมมูลค่าของค่าภาษีอากร ภาษีมูลค่าเพิ่ม ค่าปรับแล้ว ประมาณจำนวนเงิน 127 ล้านบาาท โดยมีชิปปิ้งเป็นตัวแทนบริษัทนำเข้า เป็นผู้ทำพิธีการศุลกากร โดยมีการใช้รถขนส่งของมายังจังหวัดเชียงใหม่
โดยจุดแรกที่ดีเอสไอเข้าตรวจค้น คือบริษัทเอกชนที่รับจ้างชำแหละเนื้อหมู ซึ่งจุดนี้มีข้อมูลว่า ได้รับเนื้อหมูจากตู้คอนเทเนอร์ที่สำแดงเท็จว่าเป็นปลา มาชำแหละก่อนส่งต่อไปยังกรุงเทพฯ และพื้นที่ภาคกลาง ส่วนอีกจุดที่เป็นสำนักงานใหญ่ พบเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับการนำเข้าเนื้อหมูเถื่อนที่สำแดงเท็จว่าเป็นเนื้อปลา เจ้าหน้าที่จึงเก็บหลักฐานทั้งหมดไว้ตรวจสอบ
พ.ต.ต.ณฐพล ศิษยธรรม ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม ดีเอสไอ เปิดเผยว่า วันนี้เจ้าหน้าที่ได้ลงพื้นที่ตรวจค้นเป้าหมายทั้งหมด 4 จุด โดย 2 จุด เป็นเป้าหมายใหญ่ จุดแรกเป็นห้องเย็นที่รับชำแหละและตัดแต่ง ก่อนส่งกลับไปขายในพื้นที่กรุงเทพฯ ปริมณฑล และภาคกลาง ส่วนจุดที่สองเป็นสำนักงานใหญ่ จากการตรวจค้นพบเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการนำเข้าหมูที่สำแดงเท็จเข้ามาในประเทศไทยจำนวนมาก นอกจาก จ.เชียงใหม่ ดีเอสไอยังลงพื้นที่ตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายในพื้นที่ภาคกลาง และภาคตะวันออก ด้วย
สำหรับเนื้อหมูเถื่อนที่นำเข้ามา มีทั้ง สามชั้น สันคอ ราวนมหมู และเครื่องใน ทั้งหมดสำแดงเท็จว่าเป็นหัวปลาและเนื้อปลาแซลมอน นำเข้าจากประเทศเยอรมนี และบราซิล แต่ข้อเท็จจริง ประเทศเหล่านี้ไม่มีการส่งออกปลาแซลมอน เบื้องต้นดีเอสไอ จะส่งเจ้าหน้าที่เดินทางไปยังอเมริกาใต้ ซึ่งเป็นต้นทางที่มีการสำแดงเท็จ เพื่อตรวจสอบใบอินวอย
ซึ่งทางดีเอสไอได้สอบสวนบริษัทขนส่งพบว่าเนื้อหมูเถื่อนทั้งหมด ถูกนำมาเก็บไว้ในห้องเย็นแห่งหนึ่งในหลายพื้นที่ของ จ.เชียงใหม่ เมื่อตรวจสอบเส้นทางการเงิน ก็พบมีการโอนเงินระหว่างบริษัทที่สำแดงเท็จ กับบริษัทห้องเย็นถึง 24 ล้านบาท จึงนำมาสู่การขออนุมัติหมายค้นเพื่อเข้าตรวจค้นและหาหลักฐานการกระทำผิดในจุดที่ต้องสงสัยในวันนี้ ซึ่งก็ได้หลักฐานมากมาย และจะมีการสรุปเพื่อดำเนินการทางกฎหมายต่อไป.