ที่ศาลากลางจังหวัดสกลนคร นายชูศักดิ์ รู้ยิ่ง ผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนคร พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ ผู้แทนสถาบันการศึกษา และภาคเอกชน ร่วมให้การต้อนรับ นายรัคมัต บูดีมัน (Rachmat Budiman) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอินโดนีเซียประจำประเทศไทย และคณะ ในโอกาสเดินทางเยือนจังหวัดสกลนคร เพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับการพัฒนาพื้นที่ในด้านต่าง ๆ พร้อมเยี่ยมชมผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่นของจังหวัดสกลนคร เช่น ผ้าย้อมครามธรรมชาติ และการแปรูปผลิตภัณฑ์ข้าว น้ำหมากเม่า และอื่น ๆ
นายชูศักดิ์ กล่าวว่า จังหวัดสกลนคร มีจุดยืนทางยุทธศาสตร์ ทั้งในด้านการเกษตรและอุตสาหกรรมการเกษตร การค้าการลงทุน และการพัฒนาการท่องเที่ยว 3 ธรรม คือธรรมะ ธรรมชาติ และวัฒนธรรม มีศักยภาพที่โดดเด่นด้านการเกษตร มีผลผลิตที่สำคัญ ได้แก่ ข้าว หมากเม่า มันสำปะหลัง อ้อยโรงงาน ยางพารา และปาล์มน้ำมัน สัตว์เศรษฐกิจที่สำคัญ ได้แก่ โคเนื้อ โคนม กระบือ สุกร เป็ด และไก่ โดยมีผลิตภัณฑ์ GI 5 ชนิด ประกอบด้วย หมากเม่า น้ำหมากเม่า เนื้อโคขุนโพนยางคำ ผ้าครามธรรมชาติ และข้าวฮางหอมสกลทวาปี
นอกจากนี้ ในด้านการศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร ได้มีการลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ทางวิชาการ กับมหาวิทยาลัย 6 แห่ง ในประเทศอินโดนีเซีย เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือทั้งการแลกเปลี่ยนบุคลากรและนักศึกษา การสร้างหลักสูตรการเรียนการสอนร่วมกัน การพัฒนาเนื้อหาออนไลน์เพื่อสนับสนุนการเรียนการสอนข้ามประเทศ ด้านสาธารณสุข จังหวัดสกลนครมีระบบส่งต่อการดูแลสุขภาพของประชาชนกับจังหวัดใกล้เคียง เช่น อุดรธานี นครพนม บึงกาฬ มีระบบประกันสุขภาพ ซึ่งในประเทศอินโดนีเซียก็จัดให้มีระบบประกันสุขภาพเช่นกัน
ส่วนข้อมูลบุคคลสัญชาติอินโดนีเซีย ที่อาศัยอยู่ในจังหวัดสกลนคร จากการสำรวจของตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสกลนคร พบว่ามีจำนวน 5 คน โดยเป็นทั้งครอบครัวของผู้มีสัญชาติไทย ผู้ที่ศึกษาในพระพุทธศาสนา และศึกษาในสถานศึกษาของรัฐ
นายรัคมัต เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอินโดนีเซียประจำประเทศไทย กล่าวว่า การเดินทางมาเยือนจังหวัดสกลนครในครั้งนี้ นับเป็นโอกาสอันดีที่จะได้เรียนรู้ด้านการพัฒนาในระดับพื้นที่ อีกทั้งในปี พ.ศ.2568 จะครบรอบ 75 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยกับสาธารณรัฐอินโดนีเซีย จึงถือเป็นการกระชับความสัมพันธ์ระดับท้องถิ่นระหว่างจังหวัดสกลนคร ประเทศไทยกับสาธารณรัฐอินโดนีเซียด้วย