เมื่อวันที่ 29 พ.ย. ที่รัฐสภา นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา กล่าวถึงแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญ หลังพูดคุยกับคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชนและการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาผู้แทนราษฎร เบื้องต้นมีแนวทางที่จะรับฟังและบรรจุเรื่องแก้มาตรา 256 ได้ ในรอบเปิดสมัยประชุมหน้าได้หรือไม่ ว่า เมื่อเปิดสภาในเดือน ธ.ค. นี้ ก็จะพิจารณาเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญของที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภา ที่บรรจุไว้ทั้งหมด 14 ฉบับ และเป็นกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญที่รัฐบาลเสนอมาอีกอีก 3 ฉบับ รวมเป็น 17 ฉบับ แต่ยังไม่ได้กำหนดวันที่ชัดเจน อาจจะภายในเดือน ธ.ค. นี้

นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ได้มีตัวร่างแล้วประธานสั่งบรรจุอย่างเดียวก็จะสำเร็จ เพราะเกี่ยวข้องกับหลายส่วน เช่น บางส่วนเกี่ยวข้องกับการทำประชามติที่ยังไม่เรียบร้อย บางส่วนอาจเกี่ยวข้องกับการพิจารณาของทั้ง 2 สภาด้วย แต่อย่างไรก็ตามในส่วนของสภา ได้บรรจุทุกเรื่องในส่วนที่ไม่ขัดต่อกฎหมายของรัฐธรรมนูญ หรือการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่วินิจฉัยเมื่อปี 2564 แต่ที่เสนอมาทั้งหมด 14 ฉบับ ตนบรรจุให้หมด ไม่มีฉบับใดที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ เพราะเป็นการแก้ไขรายมาตรา ไม่ได้แก้ทั้งฉบับ

เมื่อถามถึงการแก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับที่นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาชน ในฐานะประธาน กมธ.พัฒนาการเมืองฯ เสนอตรงนี้ แนวทางจะเป็นอย่างไรนั้น ประธานรัฐสภา กล่าวว่า ของนายพริษฐ์ก็บรรจุทุกฉบับรวมทั้งการแก้ไข มาตราที่สำคัญคือมาตรา 256 ด้วย โดยสมัยประชุมที่แล้ว มีการเสนอแก้ไขมาตรา 256 แต่ไม่ได้รับการบรรจุ เพราะไปขัดแย้งกับการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ปี 2564 แต่การเสนอครั้งนี้ผ่านฝ่ายประสานงานกฎหมายของสภา และตนเห็นว่าไม่ได้ไปขัดแย้งกับไขรัฐธรรมนูญในเรื่องการแก้ไข สามารถนำมาพิจารณาได้ ถ้าผ่านก็สามารถแก้ไขได้ ซึ่งขึ้นอยู่กับรัฐสภาจะพิจารณาว่าจะผ่านหรือไม่ผ่าน

เมื่อถามว่า ความหวังในการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้สำเร็จในรัฐบาลนี้ยังเป็นไปตามเป้าหมายหรือไม่ นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า ฝ่ายสภาก็พยายามให้กำลังใจเพราะอยากให้สำเร็จ เพราะตนเชื่อว่าประชาชนคงอยากจะเห็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้สำเร็จ แต่ปัญหาอุปสรรค อย่างที่บอกไปแล้วคือ ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของรัฐสภา และถ้าบางฉบับต้องใข้ประชามติก็ต้องทำประชามติ 

“ยืนยันว่าทุกฉบับที่อยู่ในสภาขณะนี้ เป็นการแก้ไขรายมาตรา ไม่มีฉบับใดต้องไปทำประชามติ ยกเว้นจะมีฉบับที่เสนอขึ้นมาใหม่แล้วต้องทำประชามติก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง” ประธานรัฐสภา กล่าว.