ขณะนี้รัฐบาลจะอยู่ครบวาระหรือไม่ก็ยังไม่รู้ แต่ก็มีหลายคนคาดการณ์ว่ารัฐบาลจะยุบสภา จะแบบ “ยุบดีหรือยุบไม่ดี” ก็แล้วแต่ช่วงเปิดสภาก็จะเห็นภาพชัดขึ้น กรณี “ยุบดี” คือไม่มีเกมตีรวนในสภาในกฎหมายสำคัญ ส.ส.พรรครัฐบาล โดยเฉพาะพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) รักสามัคคีกันโหวตดี

แล้วจากนั้นก็รอให้มีการโปรดเกล้าฯ รัฐธรรมนูญ แล้วร่างแก้ไขกฎหมายลูก 2 ฉบับ คือ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และ พ.ร.ป.พรรคการเมือง ซึ่ง นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ เคยให้สัมภาษณ์ว่า กระบวนการช้าที่สุดคือราวเดือน ก.ค. 65 ก็จะเสร็จ ซึ่งก็น่าจะอยู่ในช่วงพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี 65 …ง่ายๆ ให้งบเสร็จก่อนค่อยยุบ

กรณี “ยุบไม่ดี” คือหาก“บางคนบางกลุ่ม” ในพรรค พปชร.ยังอารมณ์ค้างจากเรื่องพยายามสอย “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม ก็คงต้องเล่นเกมตีรวนในสภา ให้องค์ประชุมมันไม่ครบ ล่มอยู่บ่อยๆ ในช่วงการพิจารณากฎหมายสำคัญนั่นแหละ ยื้อให้คนดูรำคาญว่าคุม ส.ส.ทำงานไม่ได้

พล.อ.ประยุทธ์เองก็น่าจะได้กลิ่นไม่ค่อยดีเรื่องปัญหาในสภา ในการประชุม ครม.เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา มีรายงานข่าวว่า นายกฯ ได้เรียกหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลเข้าพูดคุยถึงงานสภาตอนหนึ่ง กำชับให้ ส.ส.อย่าขาดประชุมในกฎหมายสำคัญ.. ซึ่งถ้าองค์ประชุมล่ม หรือถูกฝ่ายค้านคว่ำกฎหมายการเงิน รัฐบาลก็ต้องลาออกแสดงความรับผิดชอบ

พรรค พปชร.จะเอาไงก็ตาม แต่พรรคอื่นเขา “ไปต่อไม่รอแล้วนะ” เริ่มมีการหาเสียงแบบเปิดนโยบายกันแล้ว ขณะที่องคาพยพของพรรค พปชร. ..พรรคที่หวังตัวเองเป็นสถาบันการเมืองในอนาคต วันนี้ยังตุ๊บป่องๆ อยู่เลย มีแต่ภาพการเดินสายลงพื้นที่ หรืออย่างมากก็พูดถึงงานเฉพาะหน้าเช่นเรื่องการเตรียมเปิดเมือง

พรรคอื่นเริ่มเจาะพื้นที่อีสาน เพราะมีจำนวน ส.ส.เขตมากที่สุด และมีจำนวนประชากรมากที่สุดที่จะเป็นปัจจัยต่อจำนวน ส.ส.บัญชีรายชื่อที่พรรคจะได้ด้วย พรรคก้าวไกลก็จะลงพื้นที่เข้าถึงชาวอีสานให้ได้มากที่สุด จากการที่ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคประกาศปรับภาพลักษณ์ตัวเองในการประชุมพรรคที่ขอนแก่น

พรรคที่มุ่งยึดอีสานอย่างมีสีสันมากที่สุดคือพรรคเพื่อไทย เอา นายทักษิณ ชินวัตร นายกฯ ขวัญใจคนจนมาออกรายการคลับเฮาส์ อ้อนว่าเลือกเพื่อไทยเขาได้กลับบ้าน และยกตัวอย่าง “อาจสามารถโมเดล” ที่นายทักษิณเคยไปทำเรียลิตี้แก้จนที่ อ.อาจสามารถ จ.ร้อยเอ็ด พร้อมย้ำว่าเสียดาย ถ้ารัฐบาลทักษิณ 2 อยู่ครบวาระ ใช้เงิน 4 แสนล้านก็แก้จนได้

และนายทักษิณก็ยังชู “เศรษฐกิจในกระแสนิยม” คือเรื่องการใช้ซอฟต์พาวเวอร์ หรือพลังที่แฝงในสื่อบันเทิง ที่กระตุ้นเศรษฐกิจได้ โดยยกตัวอย่าง “ลิซ่า แบล็กพิงก์” ว่าเป็นหนึ่งในทรัพยากรอีสาน ทำนองว่า จะพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่นได้ต้องพัฒนาทรัพยากรคนพื้นที่ให้เป็น และเหน็บท่านผู้นำว่าคิดแต่จะสร้างทหารไม่คิดจะสร้างคนทำงานเศรษฐกิจหรือ

เรียกว่าเอาคะแนนนิยมเก่ามาสร้างความหวังขายพื้นที่ได้มาก แต่ในยุคปัจจุบันที่คนรุ่นใหม่ตื่นตัวเรื่องกระแสสิทธิมนุษยชน มีการตั้งคำถามถึงการปฏิรูปกองทัพและปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม โดยเฉพาะเรื่องมาตรา 112 ที่วันนี้ถูกมองว่าถูกใช้เป็นเครื่องมือในการกลั่นแกล้งทางการเมือง คนรุ่นใหม่คงต้องการฟัง “วิสัยทัศน์” ตรงนี้ด้วย

คนรุ่นใหม่เป็นพวกใช้สื่อ เขาพร้อมจะกระจายประชาสัมพันธ์สิ่งที่แต่ละพรรคหาเสียงถ้าตรงใจ คะแนนเพื่อไทยในภาคอีสานจากนิด้าโพลก็ยังสูง …แต่เรื่องของสิทธิมนุษยชนก็มีคนอยากฟังว่า “ตอนนี้มีปัญหาเฉพาะหน้าอยู่ จะทำอย่างไร” โดยเฉพาะนายทักษิณเองก็โดนครหาเรื่องคดีมาตรา 112 มาไม่น้อย จะมีท่าทีอย่างไร (เชื่อว่าเพื่อไทยเอาตาม)

อยากปังๆ กว่านี้ ชูนโยบายที่คนรุ่นใหม่ชอบด้วย มี “โจทย์” อยู่แล้วจะกำหนดท่าทีอย่างไรล่ะ?