สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 26 ต.ค. ว่า องค์การอุตุนิยมวิทยาโลก ( ดับเบิลยูเอ็มโอ ) เผยแพร่รายงานประจำปีเกี่ยวกับ “สถานะด้านภูมิอากาศในทวีปเอเชีย” มีเนื้อหาสำคัญว่า 2563 เป็นปีที่ทวีปเอเชียเผชิญกับสภาพอากาศร้อนจัด “อย่างทั่วถึงกัน” และอุณหภูมิ “สูงเป็นประวัติการณ์” โดยเพิ่มขึ้น 1.39 องศาเซลเซียส เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยอุณหภูมิในทวีปเอเชีย ระหว่างปี 2523-2563


สภาพอากาศที่ร้อนจัดและแปรปรวนอย่างหนักในทวีปเอเชียตลอดทั้งปีที่แล้ว ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อชีวิตของประชาชนทั่วทุกหัวระแหง มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก อีกหลายล้านคนต้องไร้ที่อยู่อาศัย และพื้นที่การเกษตรได้รับความเสียหายเป็นวงกว้าง เช่นเดียวกับระบบโครงสร้างพื้นฐาน และระบบนิเวศที่เสื่อมโทรมลงอย่างมาก สร้างความเสียหายเป็นเงินมูลค่าหลายหมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ


นอกจากนี้ ภาวะความเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศโลกยังคุกคาม แนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน เนื่องจากทำให้อัตราการสั่นคลอนความมั่นคงทางอาหาร ความเสี่ยงด้านสุขภาพและระบบสาธารณสุข และความเสื่อสภาพของสิ่งแวดล้อมเพิ่มมากขึ้น


ทั้งนี้ เมื่อคำนวณความเสียหายเป็นเงิน ปรากฏว่า จีนได้รับผลกระทบมากที่สุด 238,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 7.87 ล้านล้านบาท ) ตามด้วยอินเดีย 87,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 2.87 ล้านล้านบาท ) ญี่ปุ่น 83,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 2.74 ล้านล้านบาท ) และเกาหลีใต้ 24,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 794,436 ล้านบาท )


ขณะที่เมื่อเปรียบเทียบเป็นขนาดของเศรษฐกิจ ผลกระทบจากภาวะโลกร้อนอาจทำให้เศรษฐกิจของทาจิกิสถานหดตัวมากถึง 7.9% กัมพูชา 5.9% และลาว 5.8%.

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES