นายภูมิธรรม เวชยชัย, นายนพดล ปัทมะ, นายชูศักดิ์ ศิรินิล, นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์, พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว, นางจิตรวรรณ หวังศุภกิจโกศล, นายกานต์ กัลป์ตินันทน์

ในช่วงนี้ เริ่มมีการตีกระแสกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ( พธม.) นำโดยนายสนธิ ลิ้มทองกุล จะเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลในประเด็น MOU44 พื้นที่พัฒนาร่วมทางทะเล ซึ่ง“เมื่อยังไม่เจรจาก็มีความเห็นหลากหลาย” บ้างก็ว่าจะทำให้ไทยเสียดินแดนเกาะกูด บ้างก็ว่า ไปยอมรับเส้นเขตแดนทางทะเลไม่ถูกกฎหมายสากลที่กัมพูชาขีด ถ้าปล่อยไว้ต่อไปจะเสียพื้นที่ขุดเจาะปิโตรเลียมให้กัมพูชา แต่สรุปว่า ตราบใดยังไม่มีการเจรจา ก็ไม่เห็นภาพว่าเกิดอะไรขึ้น

“รองอ้วน”นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี นายนพดล ปัทมะ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย อดีต รมว.ต่างประเทศ เสนอให้ใช้รัฐธรรมนูญมาตรา 152 เปิดอภิปรายเรื่องบันทึกความเข้าใจไทย-กัมพูชา ว่าด้วยพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนทางทะเลในไหล่ทวีป ( MOU2544) ในรัฐสภาทำข้อเสนอแนะให้รัฐบาลป้องกันม็อบลงถนนว่า ถือเป็นข้อเสนอที่น่าสนใจ แต่ต้องถามพรรคร่วมรัฐบาลด้วย ขณะนี้ใช้วิธีการชี้แจงไปก่อนในหลายช่องทาง

การแก้ปัญหาไม่ได้มีแค่ไม่วิธีเดียว ถ้าทำไม่ได้ก็เปลี่ยนวิธี ยืนยันว่า การเจรจาต้องเป็นความเห็นชอบของประชาชนทั้ง 2 ฝ่าย รวมถึงกฎหมายทางทะเล กฎหมายระหว่างประเทศ รวมถึงกรอบนโยบายต่าง ๆ ที่เราต้องคำนึงด้วย เรื่องเกาะกูดนั้น กัมพูชาเขายอมรับและทราบอยู่แล้วว่าเกาะกูดเป็นของเรา และอยู่กับเรามาตั้งแต่ต้น ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร

แต่นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ในเชิงไม่เห็นด้วยที่จะใช้กลไกตาม ม.152 โดยมองว่า “จะพูดอะไรกันในเมื่อพูดกันมามากมายแล้ว ส่วนใหญ่ของการใช้มาตรานี้คือการมาคุยกัน มาพูดกันว่าปัญหามันอยู่ตรงไหน ซึ่งเราพูดกันหมดแล้ว และที่จริงแล้วแก่นของมันไม่มีอะไร ถึงคุยกันนายสนธิก็ลงถนน เพราะเขาไม่ได้มาคุยด้วย คณะกรรมการร่วมทางเทคนิค ( JTC ) ไทย-กัมพูชา ก็ยังไม่ได้ตั้ง เจรจาก็ยังไม่ได้เจรจา อะไรก็ยังไม่ได้ทำ มันก็คุยได้แค่นั้น ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่เห็นว่ามีความจำเป็นต้องเปิดประชุมสภาเพื่ออภิปรายเรื่องนี้”

นายชูศักดิ์ กล่าวด้วยว่า การสัมมนาพรรคเพื่อไทย ในวันที่ 13-14 ธ.ค. ที่หัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จะพูดคุยถึงการกำหนดยุทธศาสตร์พรรคในสถานการณ์การเมืองที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ สามารถไปร่วมงานได้ในฐานะนักวิชาการเป็นการไปให้ข้อมูล ไม่ใช่ถือว่าเป็นการครอบงำเพราะหากเป็นการครอบงำจะต้องเป็นการสั่ง การชี้นำ ให้ทำอย่างนั้นทำอย่างนี้ แต่นี่เป็นเพียงไปให้คำแนะนำ

สำหรับท่าทีของพรรคเพื่อไทยต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญ นายชูศักดิ์ ศิรินิล ซึ่งเป็นมือกฎหมายของพรรค กล่าวถึงการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในการเปิดประชุมสภาสมัยสามัญครั้งที่จะถึงนี้ ( 12 ธ.ค.) ซึ่งพรรคประชาชน ( ปชน.) ยื่นแก้รายมาตราไป 14 ร่าง ว่า “มันมีหลายร่างเหลือเกิน ความเห็นส่วนตัวคือเมื่อเราตัดสินใจว่าจะมีสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ก็ให้เขาไปว่ากันไม่ดีกว่าหรือ เพราะหากไปว่าเป็นรายมาตราก็ไม่รู้ว่ามีกี่ฉบับ ถ้าคิดจะมี ส.ส.ร. ก็ให้ ส.ส.ร. ไปว่ากันดีกว่า ซึ่งก็มุ่งไปที่การแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 256 เท่านั้น” ถ้าหากว่า ท่าทีของเพื่อไทยกำหนดท่าทีรัฐบาลทั้งหมด การพยายามแก้รายมาตราของพรรค ปชน.ก็คงแท้งหมด

สำหรับการฟ้องกลับนายธีรยุทธ สุวรรณเกษร และนักร้องเรียน กรณีกล่าวหาพรรคเพื่อไทยล้มล้างการปกครอง นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ฝ่ายกฎหมายของพรรคเพื่อไทยกำลังทำอยู่ ใกล้จะเสร็จแล้ว แต่เอาแค่ว่าจะใช้มาตราอะไรก็เถียงกันอยู่พอสมควร ซึ่งยืนยันว่าดำเนินคดีแน่นอน

ประเด็นใหม่ที่ถูกเปิดขึ้นมาในสัปดาห์นี้ คือ นายธนดล สุวัณณะฤทธิ์ ที่ปรึกษา รมว.เกษตรและสหกรณ์ ออกมาเปิดเผยว่า มี “หวานใจอดีตรองนายกฯ” มีส่วนเกี่ยวข้องกับรีสอร์ทรุกที่ดิน ส.ป.ก. เรื่องนี้ “อาจารย์แหม่ม”นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมว.เกษตรและสหกรณ์ บอกว่า ยังไม่ได้รับรายงาน และสำนักงานสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) นั้น นายอิทธิ ศิริลัทธยากร รมช.เกษตรและสหกรณ์กำกับดูแล จึงต้องรอถามนายอิทธิ ซึ่งตอนนี้ลงพื้นที่ยะลา

“การตรวจสอบต้องทำเป็นนโยบายต่อเนื่องจากที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา พรรคพลังประชารัฐ ( พปชร.) ได้มอบนโยบายให้เอาจริงเอาจัง เรื่องการบุกรุกที่ดิน ส.ป.ก. เราจะเอาที่ดินคืนมาจากนายทุน เพื่อที่จะมาจัดสรรให้กับเกษตรกรมีที่ทำกิน ถือเป็นนโยบายสำคัญ แม้จะเป็นที่ดินของผู้มีอิทธิพลก็ไม่มีปัญหาในการตรวจสอบ”

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก.กล่าวถึงเรื่องนี้ว่าตำรวจทำงานร่วมกับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ป.ป.ช.)และ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ(ป.ป.ท.)รวมถึงนายธนดล สุวัณณะฤทธิ์ที่ไปสืบสวนกรณีไร่ภูนับดาว ซึ่งไปตรวจสอบดูแล้วพบว่ามีการทุจริตในหน้าที่จริง ในการออกเอกสารสิทธิ์โดยทุจริตของข้าราชการระดับรองผู้ว่าราชการจังหวัด และเจ้าหน้าที่สำนักงาน ส.ป.ก. ทราบว่าบริษัทที่เราตรวจสอบ มีเส้นเงินไปถึงบุคคลใกล้ชิดของผู้ใหญ่ในพรรคการเมืองพรรคหนึ่ง ประมาณ 10 ล้านบาท

“เส้นเงินนี้เชื่อมไปถึงบุคคลใกล้ชิดที่เรียกว่าหวานใจ”พล.ต.ต.จรูญเกียรติกล่าว ผู้สื่อข่าวจึงถามต่อว่า สัปดาห์หน้าจะมีเซอร์ไพรส์ใหญ่หรือไม่กับเส้นเงินเส้นนี้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ตอบว่า ขอคุยกับเจ้าหน้าที่ที่ดูแลเรื่องนี้ก่อน เมื่อถามอีกว่ากลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่สนิทสนมกับนายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช อดีตสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ( พปชร.) หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ก็เป็นกลุ่มคนใกล้ชิดกัน และย้ำว่า “ถึงใครก็โดนหมดขอยืนยัน มันมาถึงขนาดนี้ หากไม่ทำต่อ ประเทศไทยคงอยู่ยาก คนผิดว่าไปตามผิด เส้นเงินจะอยู่แค่ไหน หวานใจหรือผู้ใหญ่ก็ต้องรอออกหมายเรียกมาสอบสวนหรือหมายจับ จากการตรวจสอบจะมีการโอนไปครั้งละ 2 ล้านบาท จนครบจำนวน 10 ล้านบาท ซึ่งขอเวลาเจ้าหน้าที่ทำงานก่อน ยืนยันไม่ใช่การกลั่นแกล้ง หรือทำร้ายกัน แต่เป็นเรื่องของการตรวจสอบและขยายผลออกไปถึงเจ้าหน้าที่รัฐ เพราะช่วงนั้นตำรวจก็จับกรณี ส.ป.ก. หลายที่ เรื่องนี้ก็เป็นส่วนหนึ่ง มันถึงใคร ใครทำไว้ก็ต้องรับกรรมอันนั้น”

“บิ๊กเต่า”พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก.กล่าวถึงเรื่องนี้ว่าตำรวจทำงานร่วมกับ ป.ป.ช.และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ(ป.ป.ท.)รวมถึงนายธนดล สุวัณณะฤทธิ์ สืบสวนกรณีไร่ภูนับดาว พบว่ามีการทุจริตในหน้าที่จริง ออกเอกสารสิทธิ์โดยทุจริตของระดับรองผู้ว่าราชการจังหวัด และเจ้าหน้าที่สำนักงาน ส.ป.ก. ทราบว่าบริษัทที่เราตรวจสอบ มีเส้นทางเงินไปถึงบุคคลใกล้ชิดของผู้ใหญ่ในพรรคการเมืองพรรคหนึ่ง ประมาณ 10 ล้านบาท บุคคลใกล้ชิดนั้นเรียกว่า “หวานใจ”

เมื่อถามอีกว่ากลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่สนิทสนมกับนายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช อดีตสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ( พปชร.) หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ก็เป็นกลุ่มคนใกล้ชิดกัน และย้ำว่า “ถึงใครก็โดนหมดขอยืนยัน มันมาถึงขนาดนี้ หากไม่ทำต่อ ประเทศไทยคงอยู่ยาก ตอนนี้รอออกหมายเรียกมาสอบสวนหรือหมายจับ จากการตรวจสอบจะมีการโอนไปครั้งละ 2 ล้านบาท จนครบจำนวน 10 ล้านบาท ยืนยันไม่ใช่การกลั่นแกล้ง หรือทำร้ายกัน แต่เป็นเรื่องของการตรวจสอบและขยายผลออกไปถึงเจ้าหน้าที่รัฐ เพราะช่วงนั้นตำรวจก็จับกรณี ส.ป.ก. หลายที่ ใครทำไว้ก็ต้องรับกรรมอันนั้น”

ซึ่งก็รอดูว่า เรื่องนี้จะไปถึงขั้นไหน จะมีชื่อใครถูกเปิดเป็นข่าว และจะแก้ต่างอย่างไร หรือจะใช้วิธีฟ้องปิดปาก

สำหรับบรรยากาศการเลือกนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด ( อบจ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่ายังคงเหลืออีก 5 จังหวัดที่จะมีการเลือกตั้งนายก อบจ.เพื่อแทนคนเก่าที่ลาออกก่อนครบวาระ ประกอบด้วย กำแพงเพชร เลือกในวันที่ 1 ธ.ค.67, ตาก ในวันที่ 15 ธ.ค.67 ส่วนอีก 3 จังหวัด ได้แก่ เพชรบูรณ์, อุตรดิตถ์ และ อุบลราชธานี จะเลือกตั้งในวันที่ 22 ธ.ค.67 ซึ่ง จ.อุบลราชธานีดูจะแข่งเดือดที่สุด พรรคเพื่อไทย ส่ง กานต์ กัลป์ตินันท์ อดีตนายก อบจ.อุบลราชธานี เป็นผู้สมัครในนามพรรคเพื่อไทย พรรคประชาชน ( ปชน.) ส่งนายสิทธิพล เลาหะวนิช อดีตรองนายก อบจ.ลงชิง ขณะที่อีกคนหนึ่งคือนางจิตรวรรณ หวังศุภกิจโกศล หรือกบ ลงในนามอิสระ

สนามอุบลราชธานีเป็นศึกชนช้างระหว่างนายกานต์กับนางจิตรวรรณ ซึ่งนางจิตรวรรณได้ฐานเสียงสำคัญจาก สส.เขตของพรรคไทรวมพลัง ที่มี“กังฟู”วสวรรธน์ พวงพรศรี เป็นหัวหน้าพรรค กังฟูเป็นหลานชายนางจิตรวรรณ และยังได้เครือข่าย สส.อดีต สส. สจ.นักการเมืองท้องถิ่น ผู้นำหมู่บ้านในพื้นที่สนับสนุน

นางจิตรวรรณ เป็นเจ้าของโรงแป้งเอี่ยมอุบล เป็นภรรยาสมศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล อดีต สว.เป็นน้องชาย “กำนันป้อ” วีระศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล อดีต รมช.คมนาคม,พาณิชย์ ซึ่งเป็นพ่อของ น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รมว.วัฒนธรรม การหยั่งเสียงในพื้นที่ นางจิตรวรรณดูจะมีกระแสดีกว่า.