สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานจากเมืองย่างกุ้ง ประเทศเมียนมา เมื่อวันที่ 5 ธ.ค. ว่า กองทัพประชาธิปไตยแห่งชาติเมียนมา (เอ็มเอ็นดีเอเอ) ซึ่งมีนักรบประมาณ 8,000 คน ต่อสู้กับกองทัพเมียนมา เป็นเวลานานกว่า 10 ปี เพื่อสิทธิในการปกครองตนเอง สำหรับชนกลุ่มน้อยโกก้าง ในรัฐฉาน
เมื่อปีที่แล้ว เอ็มเอ็นดีเอเอ และกลุ่มพันธมิตรอีก 2 กลุ่ม ได้แก่ กองทัพปลดปล่อยแห่งชาติท่าอ่าง (ทีเอ็นแอลเอ) และกองทัพอาระกัน (เอเอ) ซึ่งเรียกรวมกันว่า “พันธมิตรภราดรภาพ” เปิดฉากโจมตีกองทัพเมียนมา และยึดพื้นที่ส่วนใหญ่ของรัฐฉาน รวมถึงเหมืองทับทิม และเส้นทางการค้าที่มุ่งหน้าไปยังจีน
Second major Myanmar rebel group calls for talks with junta https://t.co/WCgMotwxb5
— The Straits Times (@straits_times) December 4, 2024
กระทั่งสัปดาห์ที่แล้ว ทีเอ็นแอลเอ ซึ่งเป็นพันธมิตรกับเอ็มเอ็นดีเอเอ และเอเอ ประกาศเป็นกลุ่มแรกว่า มีความพร้อมที่จะเจรจากับกองทัพเมียนมา
“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เราจะหยุดยิงทันที และจะไม่โจมตีกองทัพเมียนมาอย่างแข็งขัน โดยภายใต้การไกล่เกลี่ยของจีน พวกเราเต็มใจที่จะมีส่วนร่วมในการเจรจาเพื่อสันติภาพกับกองทัพเมียนมา ในประเด็นต่าง ๆ” เอ็มเอ็นดีเอเอ ระบุในแถลงการณ์ที่เผยแพร่เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา
นอกจากนี้ เอ็มเอ็นดีเอเอ ยังแสดงถึงความมุ่งมั่นที่จะส่งคณะผู้แทนระดับสูง เข้าร่วมการเจรจาและการปรึกษาหารือกับกองทัพเมียนมา ตลอดจนแก้ปัญหาความขัดแย้งและความแตกต่าง ผ่านแนวทางการเมืองด้วย
กระนั้น โฆษกของคณะรัฐประหาร ไม่แสดงความคิดเห็นตอบกลับเกี่ยวกับแถลงการณ์ของเอ็นเอ็นดีเอเอแต่อย่างใด ขณะที่รัฐบาลทหารเมียนมา ก็ไม่ตอบรับข้อเสนอของทีเอ็นแอลเออย่างเปิดเผย และสื่อท้องถิ่นรายงานว่า กองทัพเมียนมายังคงโจมตีทางอากาศใส่ดินแดนที่ทีเอ็นแอลเอยึดครอง.
เครดิตภาพ : AFP