จากกรณีเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์เป็นอย่างมากหลังจากสโมสรนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แถลงยกเลิกกิจกรรมขบวน “อัญเชิญพระเกี้ยว” ในงานฟุตบอลประเพณีจุฬาฯ–ธรรมศาสตร์ โดยให้เหตุผลว่าเป็นกิจกรรมที่สนับสนุนและสะท้อนถึงระบอบอำนาจนิยม รวมถึงค้ำยันความเชื่อว่าคนไม่เท่ากัน ตามที่ได้นำเสนอไปแล้วนั้น

-จากใจ ‘อดีตผู้อัญเชิญพระเกี้ยว’ ย้ำทุกค่านิยมย่อมมีวันหมดสมัย!
-‘ชมรมเชียร์จุฬาฯ’ หนุนยกเลิก ‘อัญเชิญพระเกี้ยว’ ลั่นไม่ลดคุณค่า หวังคนเบื้องล่างไม่ถูกลืม!

เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ล่าสุดเมื่อวันที่ 27 ต.ค. สำนักบริหารกิจการนิสิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ออกประกาศ ระบุว่า โดยที่ประเทศไทยเป็นดินแดนที่มีความหลากหลายในทางเชื้อชาติ ศาสนา ตลอดจนความเชื่อถือและความเลื่อมใสศรัทธาต่างๆ หากแต่เราสามารถอยู่ร่วมกันโดยสันติมาช้านาน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยตระหนักและให้ความสำคัญกับคุณลักษณะของสังคมไทยดังกล่าวที่สอดคล้องกับอุดมคติในวงวิชาการเสมอมา “มหาวิทยาลัยจึงให้ความสำคัญกับการยอมรับความแตกต่างหลากหลายทางความคิด ความเชื่อ อายุ เพศ ภูมิหลังสังคม หรือแม้แต่ความเชื่อในทางการเมือง” ดังจะเห็นได้จากที่มหาวิทยาลัยเคารพในเสรีภาพทางความคิดและทางวิชาการของบุคลากรและนิสิตของมหาวิทยาลัยมาโดยตลอด ยิ่งไปกว่านั้น มหาวิทยาลัยตระหนักดีว่าการเปลี่ยนแปลงในทางความคิดย่อมเกิดขึ้นได้เสมอ และเป็นเหตุการณ์ปกติสามัญของทุกสังคม

อย่างไรก็ดี ในฐานะสถาบันการศึกษาขั้นสูงที่มีหน้าที่ผลิตบัณฑิตให้เป็นผู้มีความรู้คู่คุณธรรมสมดังปณิธานของมหาวิทยาลัยจุฬาฯ ถือเป็นบทบาทตลอดมาที่จะต้องแนะนำและดูแลให้กิจกรรมของนิสิตอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมาย ตลอดจนกฎระเบียบของมหาวิทยาลัย โดยดำเนินการหนักเบาตามควรแต่ละกรณี

“ฉะนั้น หากความปรากฏว่านิสิตของมหาวิทยาลัยได้กระทำการในลักษณะที่เป็นการไม่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการแสดงออกผ่านการออกแถลงการณ์หรือหนังสือพิมพ์ ที่มีเนื้อหากระทบกระเทือนต่อบุคคลที่เป็นที่เคารพเทิดทูนสักการะของผู้อื่น โดยที่มิได้เป็นไปตามหลักวิชาการ” กล่าวคือ มิได้กระทำไปด้วยความมุ่งหมายที่จะให้ข้อมูลอย่างสุจริตและรอบด้าน อันเป็นการกระทำที่ขัดต่อคุณธรรมซึ่งเป็นมาตรฐานที่ยอมรับในระดับสากล หรือเป็นการแสดงออกที่ไม่เคารพต่อความเห็นต่างหรือความเชื่อมความเลื่อมใสของผู้อื่น “จุฬาฯ ย่อมไม่อาจนิ่งเฉยพร้อมกับถือเป็นหน้าที่ที่จะดำเนินการที่จำเป็นและเหมาะสมเพื่อกล่อมเกลานิสิตของมหาวิทยาลัยให้อยู่ในครรลองของหลักความรู้คู่คุณธรรม รวมทั้งจะได้ดำเนินการสอบหาข้อเท็จจริงโดยเร็ว หากพบว่ามีการกระทำที่ขัดต่อกฎหมาย หรือกฎระเบียบของมหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยจะได้ดำเนินการทางวินัยต่อไป”

ทั้งนี้ มหาวิทยาลัยขอยืนยันว่าการดำเนินการของมหาวิทยาลัยตามแนวทางดังกล่าว ไม่มีวัตถุประสงค์เพื่อลิดรอนหรือจำกัดเสรีภาพทางความคิด เสรีภาพทางวิชาการ หรือทางอื่นใด หากแต่เป็นไปเพื่อให้นิสิตของมหาวิทยาลัยเป็นผู้มีความรู้คู่คุณธรรม งามพร้อมทุกด้านเท่านั้น..

ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก @สำนักบริหารกิจการนิสิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย