เมื่อวันที่ 7 ธ.ค. พล.ต.ท. ปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษกพรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ คัดค้านการปรับขึ้นอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) เป็น 15 เปอร์เซ็นต์ และจะพิจารณานำเรื่องนี้เข้าคณะทำงานศูนย์วิชาการและนโยบายพรรค เพื่อหาแนวทางและวิธีการที่เหมาะสม เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่มีรายได้น้อย และจะไม่ทอดทิ้งประชาชน ทั้งนี้ การที่นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และรมว.คลัง ประกาศในเวทีสัมมนาว่า รัฐบาลมีแนวคิดปรับขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) เป็น 15 เปอร์เซ็นต์ และปรับภาษีเงินได้นิติบุคคล 15 เปอร์เซ็นต์นั้น ไทยได้กำหนดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มไว้ที่ 10 เปอร์เซ็นต์ ตั้งแต่ปี 2535 ต่อมาในปี 2540 คณะรัฐมนตรีในขณะนั้น เห็นว่าอัตราดังกล่าวสูงเกินไป เมื่อเปรียบเทียบกับสภาวะทางเศรษฐกิจและรายได้ประชาชน จึงออกพระราชกฤษฎีกาลดภาษีมูลค่าเพิ่มเหลือ 7 เปอร์เซ็นต์ เป็นประจำทุกปี โดยที่ภาษีมูลค่าเพิ่ม 1 ใน 9 ที่เก็บได้ จะถูกโอนให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และที่เหลืออีก 8 ส่วน จะถูกโอนให้แก่รัฐบาล ซึ่งทุกรัฐบาลได้ดำเนินการคงภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตรานี้มาตลอด

“รัฐบาลควรศึกษาระบบเศรษฐกิจของไทยให้มากกว่านี้ ตอนนี้ชาวบ้านจะอดตายอยู่แล้ว ทุกวันนี้ข้าวของก็แพงอยู่แล้ว จะมาเพิ่มภาษีส่วนนี้อีก ราคาสินค้า บริการต่างๆ จะแพงมากขึ้นอีก อย่าซ้ำเติมพี่น้องประชาชนอีกเลย การขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มจะส่งผลกระทบต่อพี่น้องประชาชนผู้มีรายได้น้อย คนหาเช้ากินค่ำ เด็กนักเรียนนักศึกษา ตลอดจนคนพิการ และผู้ยากไร้ต่างๆ เนื่องจากเป็นผู้บริโภคมีฐานะเป็น end user ซึ่งต้องแบกรับภาระการจ่ายภาษี ภาวะเศรษฐกิจที่ประชาชนมีความเดือดร้อนเช่นนี้ รัฐบาลไม่ควรขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม” โฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าว  

พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวอีกว่า การเพิ่มภาษีมูลค่าเพิ่ม จะไม่มีผลกระทบต่อนายทุนหรือเจ้าสัว เพราะนายทุนหรือผู้ประกอบการสามารถหักภาษีซื้อภาษีขาย ไม่มีผลกระทบ แต่เป็นการผลักภาระการหารายได้ไปให้แก่รัฐบาลแล้วส่งต่อไปยังประชาชนที่มีรายได้น้อย เปรียบเสมือนกับปล้นคนจน เอื้อคนรวย เป็นการผลักภาระมาให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อย ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ ดังนั้นรัฐบาลควรหาแนวทางและมาตรการที่เหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจและบริบทของสังคมไทย ไม่ใช่ไปลอกแบบจากต่างประเทศ อีกทั้งยังมีมาตรการอื่นๆ อาทิ ภาษีที่ดิน ภาษีมรดก การจัดเก็บภาษีจากเศรษฐกิจดิจิทัล ภาษีกลุ่มฟุ่มเฟือย หรือภาษีกลุ่มคนรวย หรือเก็บภาษีกลุ่มคนมั่งคั่งจะดีกว่า

“การปรับปรุงประสิทธิภาพและพัฒนาโครงสร้างการจัดเก็บภาษี ซึ่งยังมีการประกอบธุรกิจหรือกิจการบางอย่างที่ยังไม่ได้อยู่ในระบบภาษี การขยายฐานภาษี และการปรับปรุงประสิทธิภาพการจัดเก็บภาษี เพื่อเพิ่มรายได้ให้แก่รัฐ ยังดีกว่าการผลักภาระให้แก่คนทั้งประเทศ ดังนั้นรัฐบาลต้องวางแผนและตัดสินใจให้รอบคอบ” โฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าว