เมื่อวันที่ 8 ธ.ค. 67 พญ.ศรัญญา ยุทธโกวิท นายแพทย์ชำนาญการพิเศษ สถาบันประสาทวิทยา กรมการแพทย์ กล่าวถึงกรณีการเสียชีวิตของนักร้องสาว “ผิง ชญาดา” เนื่องจากการไปนวดบิดคอ ว่า ต้นคอเป็นศูนย์รวมของอวัยวะสำคัญ มีเส้นเลือดใหญ่เลี้ยงสมองส่วนสมองหน้า กระดูกต้นคอจึงมีความสำคัญมาก แม้แต่การกายภาพบำบัดที่บริเวณต้นคอต้องอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของแพทย์ ต้องมีการประเมินเป็นระยะ เพราะหากมีการจับกด หรือ ใช้แรง อาจกระทบต่อหลอดเลือดได้ เช่น หลอดเลือดบริเวณต้นคอฉีกขาด กลายเป็นอัมพฤกษ์ อัมพาตได้ เหตุการณ์นี้พบได้ในคนที่มีอายุน้อย 20-30 ปี ก็เคยพบมาแล้ว และเป็นข่าวที่สถาบันประสาทต้องออกมาเตือนถึงการนวด

ส่วนรายที่เสียชีวิตตามที่เป็นข่าวนั้น จากการดูฟิล์มเอกซเรย์ของผู้เสียชีวิตจากข่าว คาดว่า อาจจะมีภาวะหมอนรองกระดูกคอเสื่อมอยู่ก่อนแล้ว และภาวะหมอนรองกระดูกคอเสื่อมยังพบได้ในคนอายุ 40-50 ปีขึ้นไป ยิ่งเมื่อมีการนวดมาประกอบกันกับภาวะความเสื่อมของหมอนรองกระดูกคอ อาจเป็นการกดทับเส้นประสาทที่มีการเชื่อมต่อ ส่งผลไปไขสันหลัง

พญ.ศรัญญา กล่าวอีกว่า ความเสื่อมของหมอนรองกระดูกคอ เป็นไปตามวัย เกิดจากการก้มเงย ใช้คอบ่อย เมื่อมีภาวะเสื่อมมีอาการปวดเมื่อย แต่ไม่แนะนำให้การนวดหรือบิดคอ เพราะโดยปกติคอของคนเรา มีข้อกระดูก 7 ข้อ และมีแค่ข้อที่ 1-2 เท่าที่สามารถหมุนได้ 150 องศา ส่วนข้ออื่นๆ ของกระดูกต้นตอ 50-60 องศาเท่านั้น ฉะนั้นไม่ควรบิด หรือหมุนอย่างเด็ดขาด มิเช่นนั้นอาจเสี่ยงได้รับผลกระทบถึงแก่ชีวิตได้

ทั้งนี้ หากรู้ตัวว่ามีอาการปวดเมื่อยคอ หรือปวดร้าวเมื่อยแขนร่วมด้วย ควรปรึกษาแพทย์ เพื่อตรวจประเมิน เพราะจะมีวิธีการรักษาที่ปลอดภัยภายใต้การกำกับดูแลของสถานพยาบาล ดีกว่าไปนวดเองที่ไม่ได้รับการตรวจประเมิน เพราะบริเวณต้นคอมีหลอดเลือดจำนวนมาก ไม่ได้มีแค่กล้ามเนื้อ และกระดูกเท่านั้น หากฉีกขาดจะเกิดอันตรายถึงแก่ชีวิตได้.