เมื่อวันที่ 10 ธ.ค. นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี และโฆษกศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม (ศปช.) เปิดเผยว่า ในการประชุมเพื่อติดตามสถานการณ์น้ำท่วมในภาคใต้ เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. ที่ผ่านมา น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีข้อสั่งการให้ลดขั้นตอนและเร่งดำเนินการจ่ายเงินเยียวยาครัวเรือนละ 9,000 บาท ให้เสร็จโดยเร็ว และสั่งการให้เตรียมพร้อมตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อรับมือสถานการณ์ฝนในภาคใต้ระลอกสุดท้ายในช่วงปลายสัปดาห์นี้ โดยข้อสั่งการของนายกฯ ทำให้ประชาชนได้รับการแก้ไขปัญหาอย่างรวดเร็ว และประชาชนผู้ประสบอุทกภัยได้ขอขอบคุณมายังรัฐบาล ที่เร่งแก้ไขปัญหาให้กับพื้นที่ภาคใต้
นายจิรายุ กล่าวอีกว่า ส่วนความคืบหน้าการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝน ปี 2567 รัฐบาล ที่ปรับจากการจ่ายตามขั้นบันได มาเป็นทุกครัวเรือนละ 9,000 บาททั่วประเทศ แบ่งเป็นกลุ่มแรก สถานการณ์ตั้งแต่วันที่ 20 พ.ค.-2 พ.ย. 2567 อาทิ จ.ชัยนาท บุรีรัมย์ สมุทรสาคร และสิงห์บุรี ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่ม 57 จังหวัดแรก กลุ่มที่ 2 จังหวัดภาคใต้ที่เกิดสถานการณ์ตั้งแต่วันที่ 3 พ.ย. ที่ผ่านมา รวม 12 จังหวัด ได้แก่ กระบี่ ชุมพร นครศรีธรรมราช นราธิวาส ปัตตานี ประจวบคีรีขันธ์ ตรัง พัทลุง ยะลา สงขลา สตูล และสุราษฎร์ธานี รวมทั้ง 2 กลุ่ม จำนวน 667,257 ครัวเรือน ซึ่งกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย ดำเนินการสำรวจ จัดทำบัญชี และตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล สามารถดำเนินการได้ทันทีโดยไม่ต้องรอน้ำลด ก่อนข้อมูลส่งไปยังธนาคารออมสิน เพื่อโอนเงินให้ประชาชน ซึ่งคาดว่าสามารถทยอยจ่ายเงินช่วยเหลือฯ ตั้งเป้าให้จบทุกครัวเรือน ภายในวันที่ 16 ม.ค. 2568
นายจิรายุ กล่าวอีกว่า นายกรัฐมนตรีกำชับผู้ว่าราชการจังหวัด ให้ชี้แจงแนวทางการดำเนินการให้ความช่วยเหลือกับอำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง และให้อำเภอตั้งคณะทำงานตรวจสอบรายชื่อผู้ประสบภัยในพื้นที่ที่มีสิทธิได้รับการช่วยเหลือ และดำเนินการลงทะเบียนพร้อมเพย์ (PromptPay) ผูกบัญชีธนาคารกับตัวเลขประจำตัวประชาชน ส่งให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตรวจสอบและรับรองข้อมูลเพื่อเสนอกรรมการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติอำเภอ (ก.ช.ภ.อ.) และคณะกรรมการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติจังหวัด (ก.ช.ภ.จ.) ให้ความเห็นชอบก่อนส่งข้อมูลมายัง ปภ. รวบรวมและนำส่งข้อมูลให้กับธนาคารออมสิน โอนเงินให้กับผู้ประสบภัยต่อไป
นายจิรายุ กล่าวว่า ขณะที่ ปภ. ได้เปิดช่องทางการยื่นคำร้องขอรับเงินช่วยเหลือไว้ 2 ช่องทาง ทั้งการยื่นผ่านระบบออนไลน์ เว็บไซต์ https://flood67.disaster.go.th และการยื่นคำร้องด้วยตัวเองที่อำเภอ เทศบาล และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ประสบภัย ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป และขอเน้นย้ำประชาชนผู้ประสบภัยให้ตรวจสอบข้อมูลบัญชี หากยังไม่ได้ลงทะเบียนพร้อมเพย์ แบบผูกบัญชีธนาคารกับเลขบัตรประจำตัวประชาชน ให้ไปติดต่อธนาคารดำเนินการลงทะเบียนพร้อมเพย์ได้ทุกธนาคาร เพื่อให้สามารถรับเงินช่วยเหลือได้โดยเร็ว