เมื่อวันที่ 10 ธ.ค. 2567 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จฯ ไปทรงเปิดสวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติ “เปรมประชาวนารักษ์” เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 ก.ค. 2567 และทอดพระเนตรนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ “ชลวิถีธีรพัฒน์” ณ พื้นที่ถนนกำแพงเพชร 6 แนวขนานคลองเปรมประชากร แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ
การนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ประทับรถยนต์พระที่นั่ง เสด็จฯ จากพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ไปยังบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) เขตบางซื่อ กรุงเทพฯ เพื่อประทับเรือพระที่นั่ง เสด็จออกจากท่าเรือ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) ไปยังท่าเทียบเรือสวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติ “เปรมประชาวนารักษ์” โดยมี นายธรรมศักดิ์ เศรษฐอุดม กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วยคณะผู้บริหารและพนักงาน เฝ้าฯ รับเสด็จ
สำหรับเส้นทางเสด็จฯ ในครั้งนี้ ถือเป็นครั้งประวัติศาสตร์อีกหน้าหนึ่งที่พระมหากษัตริย์ ได้เสด็จฯ ในเส้นทางคลอง รวมระยะทาง 6 กิโลเมตร ทั้งนี้ กรุงเทพมหานคร โดยสำนักสิ่งแวดล้อม ประดับตกแต่งพื้นที่ริมคลองเปรมประชากร บริเวณท่าเรือทั้งสองแห่ง ด้วยกล้วยไม้หลากสีสันเพื่อความงดงามสมพระเกียรติ ขณะที่ตลอดสองฝั่งคลองมีการเสริมต้นไม้และดอกไม้ประดับ พร้อมกับประดับธงชาติ ธงสีเหลือง ตราพระปรมาภิไธยย่อ ว.ป.ร. และจัดพื้นที่ไว้รองรับประชาชนที่ต่างพร้อมเพรียงกันสวมใส่เสื้อสีเหลืองมาร่วมเฝ้าฯ รับเสด็จ ขณะที่เรือพระที่นั่งเคลื่อนผ่าน ประชาชนต่างเปล่งเสียง “ทรงพระเจริญ” ดังกึกก้อง ทั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ได้โบกพระหัตถ์และแย้มพระสรวลทักทายประชาชน ยังความปลาบปลื้มปีติเป็นล้นพ้น

คลองเปรมประชากร เป็นลำคลองที่มีความสำคัญแห่งหนึ่งของประวัติศาสตร์ชาติไทย ด้วยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ขุดขึ้น ตั้งแต่บริเวณหน้าวัดโสมนัสวิหาร ไปถึงอำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ความยาวกว่า 50 กิโลเมตร เมื่อกาลเวลาผ่านไป ได้เกิดความเสื่อมสภาพของลำคลอง มีขยะมูลฝอย ผักตบชวา วัชพืชในแหล่งน้ำ กีดขวางทางระบายน้ำ กับทั้งการรุกล้ำลำคลอง เนื่องจากการขยายตัวของชุมชน นำไปสู่ปัญหาน้ำเน่าเสีย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงพระราชทานพระบรมราโชบายในการพัฒนาคลองเปรมประชากร ให้กลับคืนสู่ความสะอาด และเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำให้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้พัฒนา ปรับปรุงภูมิทัศน์พื้นที่โดยรอบคลองเปรมประชากร เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของราษฎรที่อยู่อาศัยสองฝั่งคลองให้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย ดังเช่น ชุมชนประชาร่วมใจ 1 และชุมชนประชาร่วมใจ 2 ชุมชนที่ตั้งฝั่งตรงข้ามกับวัดเสมียนนารี เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร
ครั้นเสด็จฯ ถึงท่าเทียบเรือ สวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติ “เปรมประชาวนารักษ์” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี, นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ประธานกรรมการ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน), นายคงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) เฝ้าฯ รับเสด็จ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จเข้าห้องประทับรับรอง ทรงลงพระปรมาภิไธย และพระนามาภิไธย ในสมุดที่ระลึก ประทับพักพระราชอิริยาบถตามพระราชอัธยาศัย จากนั้นเสด็จฯ ไปยังพลับพลาพิธี ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระรัตนตรัย ทรงกราบ ทรงศีล และพระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ประธานกรรมการ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กราบบังคมทูลรายละเอียดความเป็นมา จากนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงกดปุ่มไฟฟ้าเปิดแพรคลุมป้ายสวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติ “เปรมประชาวนารักษ์” เสด็จเข้าพลับพลาพิธี ทรงประเคนจตุปัจจัยไทยธรรมถวายพระสงฆ์ ทรงหลั่งทักษิโณทก พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ประธานกรรมการ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) เข้าเฝ้าฯ ทูลเกล้าฯ ถวายเงินแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และนายคงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) ทูลเกล้าฯ ถวายเงินแด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี โดยเสด็จพระราชกุศลตามพระราชอัธยาศัย

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานโล่ที่ระลึกแก่ผู้ปฏิบัติหน้าที่สนับสนุนในโครงการพระราชดำริตามพระบรมราโชบาย เสร็จแล้ว เสด็จฯ ไปทรงกราบที่หน้าเครื่องนมัสการ ทรงลาพระสงฆ์ เสด็จออกจากพลับพลาพิธี ไปทรงปลูกต้นประดู่ป่า ซึ่งเป็นต้นที่เพาะเมล็ดจากต้นประดู่ป่าที่ทรงปลูกต้นที่ 100 ล้านในโครงการปลูกป่าถาวรเฉลิมพระเกียรติ 1 ล้านไร่ ของบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงปลูกต้นพิกุล
ก่อนเสด็จฯ ไปทอดพระเนตรนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ “ชลวิถีธีรพัฒน์” และนิทรรศการต่างๆ ประกอบด้วย ห้องชลวัฏวิถี นิทรรศการวัฏจักรของสายน้ำที่มีผลต่อมวลมนุษยชาติ, ห้องชลธีร์ราชทรรศน์ นิทรรศการสืบสาน-รักษา-ต่อยอด มุมมองที่กว้างไกลในการพัฒนาแหล่งน้ำของพระราชา, ห้องชลวิวัฒน์เพื่อประชา นิทรรศการการพัฒนาสายน้ำเพื่อปวงประชา ณ บริเวณอาคารนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติฯ และทอดพระเนตรนิทรรศการกลางแจ้ง “สายธารพระบารมีจักรีวงศ์” เสด็จเข้าพลับพลา ทอดพระเนตรการแสดงละครเพลง เรื่อง “สายนทีแห่งราชัน เดอะ มิวสิคัล” จบแล้ว ประทับรถยนต์พระที่นั่ง เสด็จฯ กลับพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต
สวนสาธารณะ “เปรมประชาวนารักษ์” สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 โดยความร่วมมือระหว่างบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หน่วยราชการในพระองค์ หน่วยงานภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ ภาคเอกชน และประชาชนในพื้นที่ ทั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงตั้งพระราชหฤทัยที่จะดำเนินโครงการพระราชดำริตามพระบรมราโชบายด้านการพัฒนาสายน้ำ คูคลอง สิ่งแวดล้อม และคุณภาพชีวิตของประชาชน จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้หน่วยงานต่าง ๆ ร่วมกันพัฒนาคลองเปรมประชากร และดำเนินโครงการปรับปรุงภูมิทัศน์บนพื้นที่ถนนกำแพงเพชร 6 แนวขนานคลองเปรมประชากร จำนวน 10 ไร่ ซึ่งแต่เดิมเป็นพื้นที่รกร้างว่างเปล่า จัดสร้างเป็นสวนสาธารณะ พร้อมลานกิจกรรม เส้นทางจักรยาน ท่าเรือ และพื้นที่สาธารณประโยชน์ของชุมชน

ในโอกาสนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานชื่อสวนแห่งนี้ว่า “เปรมประชาวนารักษ์” หมายถึง สวนที่นำความสุขและความเบิกบานใจมาสู่ประชาชน โดยได้รับการดูแลรักษาด้วยความรัก และพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้เชิญตราสัญลักษณ์งานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ไปประดิษฐานที่ป้ายชื่อสวนสาธารณะ ซึ่งภายในสวนสาธารณะ “เปรมประชาวนารักษ์” ประกอบด้วย พื้นที่สวนสาธารณะ อาคารนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ “ชลวิถีธีรพัฒน์” นิทรรศการกลางแจ้ง “สายธารพระบารมีจักรีวงศ์” และท่าเรือ เพื่อเป็นจุดเชื่อมทางสัญจร โดยมีต้นไทรขนาดใหญ่อยู่กลางพื้นที่สวน ประกอบกับแนวคิดการออกแบบสัญลักษณ์เลข 10 ไทย ในรูปทรงหยดน้ำแห่งพระมหากรุณาธิคุณ นอกจากนี้ในสวนยังมีพรรณไม้ดั้งเดิมของกรุงเทพมหานคร พรรณไม้พื้นถิ่น และต้นไม้นานาพันธุ์ปลูกเสริมสภาพสิ่งแวดล้อมของสวนสาธารณะให้มีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น.