วันที่ 10 ธ.ค. วันรัฐธรรมนูญ  สส.พรรคต่างๆ และสว.วางพานประดับพุ่มดอกไม้ถวายบังคมพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จ พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว พิพิธภัณฑ์รัฐสภา เนื่องในวันรัฐธรรมนูญ ที่ชั้น MB1 รัฐสภา ในการนี้ รัฐสภาจัดงานวันรัฐธรรมนูญ เปิดพื้นที่เฉพาะของรัฐสภาคือเครื่องยอดอาคารรัฐสภา ชั้น 11 ให้ประชาชนได้มีโอกาสเข้าชมความงดงาม และได้ถ่ายภาพบนเครื่องยอดอาคารรัฐสภา โดยชมรมถ่ายภาพของรัฐสภาจะให้บริการถ่ายภาพ ณ บริเวณเครื่องยอดอาคารรัฐสภาให้ประชาชนโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย มีกิจกรรม Meet & Great  สส. มาพบปะพูดคุยกับประชาชน  

พรรคประชาชน (ปชน.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า หากรัฐบาลเดินตามแผนเดิมที่จะจัดทำประชามติรวมกัน 3 ครั้ง (หลังจากที่ร่างแก้ไข พ.ร.บ.ประชามติ มีผลบังคับใช้) เราจะไม่สามารถมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่ถูกจัดทำโดยสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ทันก่อนการเลือกตั้งครั้งถัดไป

ต้องแสวงหาความร่วมมือจากทุกฝ่ายในการลดจำนวนประชามติจาก 3 ครั้ง เหลือ 2 ครั้ง  ในวันเปิดสมัยประชุมสภา 12 ธ.ค. นี้ พรรคประชาชนจะยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับการเพิ่มหมวด 15/1 (การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ) เรื่องให้มี ส.ส.ร. มาจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ภายหลังการหารืออย่างไม่เป็นทางการระหว่าง กมธ.พัฒนาการเมืองฯ กับ ประธานศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 21 พ.ย. ทำให้พรรคจะยื่นเพิ่มหมวด 15/1 เข้าสู่รัฐสภาอีกรอบหนึ่งหลังจากเคยตีตกมาแล้ว  หวังว่าสมาชิกรัฐสภาทุกคนจะร่วมมือกันผลักดันและเห็นชอบ

ขณะที่ นายนิกร จำนง ผอ.พรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) กล่าวย้ำว่า  การยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ไม่ทันเสร็จสิ้นในสภาชุดนี้อย่างแน่นอน อาจได้เพียงแค่การตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) อาจต้องทำประชามติตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญคือ 3 ครั้ง (1.ถามว่า ต้องการยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่หรือไม่ แล้วแก้ ม.256  2.ประชามติผ่านร่างแก้ไข ม.256 และ 3.ประชามติรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่ทำเสร็จแล้ว) หากทำแค่ 2 ครั้ง  สมาชิกรัฐสภาอาจจะอึดอัดกับการโหวต เพราะอาจจะไม่เป็นไปตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ

“วันเวลาที่เหลืออยู่ในตอนนี้เท่ากับว่าการจัดทำประชามติต้องยืดออกไปอีก 180 วัน และบวกอีก 100 วัน สำหรับการทำประชามติตามกฎหมาย  การจัดทำประชามติก็จะเกิดขึ้นปลายเดือน ธ.ค. 68  ถึงต้นเดือน ม.ค. 69  ดังนั้นโอกาสสุดท้ายที่จะทัน ส.ส.ร. คือยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 ในเดือน ม.ค. 68 เพื่อจะพิจารณาให้แล้วเสร็จในเดือน มี.ค.  ครั้งเดียวต้องผ่าน เพราะหลังจากเดือน มี.ค. หากกฎหมายผ่านก็จะไปเลือก ส.ส.ร.ขึ้นมา ต้องใช้เวลาไปอีก 80-90 วัน ก่อนมานำเข้าที่ประชุมสภาอีกครั้ง ซึ่งสภาจะปิดในวันที่ 10 เม.ย. 70”

นายนิกร แนะว่า พรรคร่วมรัฐบาลควรจะมีร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขมาตรา 256 เพื่อนำไปสู่การตั้ง ส.ส.ร. เตรียมไว้ก่อน หากต่างคนต่างยื่นคงไม่ผ่าน ที่สุดแล้วให้มี ส.ส.ร. ก็ยังดี  ต้องคุยกับทางวุฒิสภา ถ้าไม่คุยก็ไปไม่ได้  และบอกประชาชนให้ชัดว่าเราทำทั้งฉบับไม่ทัน แต่การมี ส.ส.ร.ก็ทำอย่างเต็มที่แล้ว  และแม้จะทำประชามติชั้นเดียวตามที่ สส.ต้องการ หากได้คะแนนมาน้อยก็จะเป็นข้ออ้างด้วยเหมือนกัน หากได้เพียง 20% ทุกคนจะว่าอย่างไร  ประกอบกับผลสำรวจนิด้าโพลที่ประชาชนเห็นว่าเสียงประชามติต้องได้เกินกึ่งหนึ่งของผู้ออกมาใช้สิทธิตรงนี้จะเป็นหลังพิงฝา

อีกเรื่องหนึ่งคือ การที่แต่ละพรรคในพรรคร่วมรัฐบาล ออกมาคัดค้าน ร่าง พ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม มีเนื้อหาให้อำนาจ ครม.พิจารณาแต่งตั้งนายทหารชั้นนายพล และให้นายกฯ โดยมติ ครม.สามารถสั่งการให้ทหารที่กระทำนอกรัฐธรรมนูญหยุดการกระทำได้ เพื่อสกัดการรัฐประหาร กฎหมายนี้เสนอโดย “สส.หัวเขียง” ประยุทธ์ ศิริพานิชย์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย

แม้แต่ “บิ๊กอ้วน”ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.กลาโหม ก็บอกว่า “สิ่งที่ สส.ประยุทธ์เสนอ เป็นเอกสิทธิ์ แต่ไม่ใช่จุดยืนพรรค” ทำให้วันที่ 10 ธ.ค. สส.หัวเขียงออกมาบอกว่า  จากการรับฟังความเห็นของประชาชนในร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว ตาม มาตรา 77 ของรัฐธรรมนูญในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา พบว่ามีเสียงคัดค้านจำนวนมาก วันที่ 12 ธ.ค.นี้ ที่ประชุมพรรคเพื่อไทยก่อนประชุมสภา จะขอถอนร่างไปปรับปรุงแก้ไขใหม่  ถ้าพรรคอนุญาตจะไปขอถอนร่างต่อสภาผู้แทนราษฎรในวันเดียวกันทันที

“ยืนยันกฎหมายดังกล่าวไม่ได้แทรกแซงกองทัพ การเสนอแต่งตั้งทหารระดับนายพลจะดำเนินการโดยคณะกรรมการของส่วนราชการนั้นๆ เป็นผู้เสนอชื่อนายพลตามหลักเกณฑ์กระทรวงกลาโหม จากนั้นจึงจะเสนอให้ ครม.พิจารณา ทุกอย่างมีระเบียบกระทรวงกลาโหมควบคุมขั้นตอนแต่งตั้ง ไม่ใช่ ครม.แต่งตั้งเอง  กรณีกำหนดให้นายกฯ โดยความเห็นชอบของ ครม. มีอำนาจสั่งให้นายทหารยุติการปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราวได้ หากกระทำการนอกเหนือจากการปฏิบัติหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญเพื่อสกัดการรัฐประหารนั้น ก็เหมือนที่ สส.เกาหลีใต้ ใช้อำนาจยับยั้งการประกาศกฎอัยการศึกของประธานาธิบดี หลายประเทศมีมาตรการเข้มข้นสกัดการยึดอำนาจ แต่เมื่อมีเสียงคัดค้านมาก ก็ต้องนำมาปรับปรุง จากที่หวังไว้ 100%  ถ้าได้มาสัก 30-50% ก็คงพอใจแล้ว แต่คงไปสุดซอยไม่ได้แล้ว” นายประยุทธ์ กล่าว

นายประยุทธ์พูดถึงการป้องกันรัฐประหารเป็นกฎหมาย พ.ร.บ.แต่ประธานรัฐสภา “วันมูหะมัดนอร์ มะทา” บอกว่า เห็นด้วยกับ นายปริญญา เทวานฤมิตรกุล อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่ ระบุว่ารัฐธรรมนูญในอนาคต ควรจะมีบทบัญญัติของการป้องกันปฏิวัติรัฐประหาร มีหลักการป้องกันการฉีกรัฐธรรมนูญเหมือนกับประเทศเกาหลีใต้ที่มีการป้องกันได้ เพราะมีกลไกในสภาเป็นเครื่องมือ  อยากเห็นรัฐธรรมนูญฉบับต่อไปเป็นบ้านที่มีรั้ว มีประตู และใส่กุญแจได้  เพื่อให้คนอยู่ในนั้นพร้อมปิดประตู และต่อสู้ในรั้วของตนเองได้  ประชาชนอย่างเดียวไม่ได้ ตุลาการ ศาล ต้องมีส่วนป้องกัน  ถึงเวลาแล้วที่จะต้องสร้างแนวรั้วป้องกันรัฐธรรมนูญให้เหมือนกับประชาชนชาวเกาหลีใต้

“อยากให้แก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งที่ 21 นี้  มีแนวทางปกป้องประชาชน ป้องกันรัฐประหาร ต้องมีบทบัญญัติ ว่าด้วยการลงโทษผู้ที่กระทำด้วยการทำปฏิวัติ ล้มล้างรัฐธรรมนูญ และขอให้บทบัญญัตินั้นนำไปสู่การปฏิบัติให้ได้  จะดำเนินการอย่างไรนั้น ต้องศึกษารัฐธรรมนูญของประเทศเกาหลีใต้ ที่บัญญัติเรื่องนี้ไว้ว่าเมื่อมีการยึดอำนาจสามารถนำบทบัญญัตินี้เข้าสู่รัฐสภาลบล้างอำนาจที่ประกาศไว้ได้” นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าว

อีกเรื่องหนึ่ง นายแสวง บุญมี  เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีผู้ยื่นคำร้องยุบพรรคการเมือง ว่าที่ผ่านมามีทั้งหมด 160 คำร้อง พรรคเพื่อไทยมีคำร้องมากที่สุด จำนวน 53 คำร้อง พรรคประชาชน (ปชน.) 3 คำร้อง โดยพรรคเพื่อไทยขณะนี้ตนได้พิจารณาจนเหลือ 6 คำร้อง ในส่วนที่เหลือ 47 คำร้อง สั่งให้ยุติการสอบสวน เพราะบางรายมีอะไรก็เอาแต่ยื่นร้อง บางคนก็ยื่นมาถาม อีกทั้งร้องเรื่องของการล้มล้างการปกครอง ที่ก่อนหน้านี้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งไม่รับคำร้องแล้ว ทำให้ไม่มีผลผูกพันถึง กกต.

ส่วนคำร้องครอบงำพรรคการเมือง ขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน คณะกรรมการสอบสวนคำร้องยุบพรรคได้ขอขยายเวลาออกไป เนื่องด้วยมีคำร้องที่เกี่ยวโยงถึง 6 พรรคการเมือง  ยืนยันไม่ได้เข้าไปแทรกแซงในเรื่องระยะเวลาการหาพยานหลักฐานแต่ก็กำชับให้เร่งมือ