“ส้ม” เป็นผลไม้ที่มีวิตามินอันทรงคุณค่ามากมาย เช่น วิตามินซี วิตามินบี9 (กรดโฟลิก) และยังมีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือด ไขมันในเลือดสูง ชะลอวัย และเพิ่มภูมิคุ้มกันของร่างกาย
แม้ว่าส้มจะมีคุณค่าทางโภชนาการสูง แต่ผลไม้ชนิดนี้ก็มีผลข้างเคียงสำหรับบางคน ซึ่งไม่ควรกินส้มหรือดื่มน้ำส้มทุกวัน? คน 6 กลุ่มที่ไม่ควรกินส้มหรือดื่มน้ำส้มบ่อย ๆ
- คนที่เป็นแผลในกระเพาะอาหาร
คนที่เป็นแผลในกระเพาะอาหาร แผลในลำไส้เล็กส่วนต้น หรือตับอ่อนอักเสบ ไม่ควรดื่มน้ำส้ม เพราะจะไปเพิ่มกรดในกระเพาะอาหาร ทำให้เกิดอาการเสียดท้อง ส่งผลให้แผลในกระเพาะอาหารแย่ลง
- ผู้ที่เป็นโรคทางเดินอาหาร
การดื่มน้ำส้มมากเกินไป จะส่งผลต่อระบบย่อยอาหารอย่างมาก ทำให้ท้องเสีย
- คนที่กำลังหิว
น้ำส้มมีกรดมาก ดังนั้นอย่าดื่มขณะท้องว่างโดยเด็ดขาด เพราะจะส่งผลต่อเยื่อบุกระเพาะอาหาร
- คนที่เพิ่งได้รับการผ่าตัด
น้ำส้มมีกรดซิตริกปริมาณค่อนข้างสูง และอยู่ในรูปของโซเดียมซิเตรต ซึ่งเป็นสารที่ใช้กันทั่วไปในการป้องกันการแข็งตัวของเลือด ดังนั้นคนที่เพิ่งผ่าตัด แผลยังไม่หายดี จึงควรระมัดระวังในการรับประทานส้ม เพราะอาจทำให้เลือดออกบริเวณบาดแผลได้
- ผู้ที่รับประทานยา โดยเฉพาะยาปฏิชีวนะ
เมื่อรับประทานยาปฏิชีวนะ น้ำส้มไม่ใช่ทางเลือกที่ดี เนื่องจากน้ำส้มมีส่วนประกอบของกรดเป็นส่วนใหญ่ จะทำให้ร่างกายดูดซึมยาได้ไม่เต็มที่ รวมทั้งไปรบกวนสารเคมีในตัวยา โดยเฉพาะยาปฏิชีวนะ เมื่อถูกกรดจากน้ำส้มจะทำให้ไม่มีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรีย ส่งผลให้ผู้ป่วยมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ
- ผู้ป่วยโรคไต โรคทางเดินอาหาร และโรคปอด
จากการวิจัยของนักวิทยาศาสตร์ ผู้สูงอายุไม่ควรรับประทานส้มมากเกินไป โดยเฉพาะผู้ที่เป็นโรคไต ระบบย่อยอาหารไม่ดี และโรคปอด เพราะจะทำให้เกิดอาการปวดท้อง ปวดเอว ปวดหลัง และอาการอื่นๆ ได้ง่าย
ช่วงเวลาไหนที่เราไม่ควรดื่มน้ำส้ม
หลังเพิ่งดื่มนม
โปรตีนในนมจะไปทำปฏิกิริยากับกรดทาร์ทาริกและวิตามินซีในส้ม ส่งผลต่อการย่อยและการดูดซึมอาหาร ทำให้ท้องอืด ปวดท้อง และท้องเสียได้ ดังนั้นควรดื่มนมอย่างน้อยหนึ่งชั่วโมง ก่อนหรือหลังรับประทานส้ม
อย่าดื่มน้ำส้มก่อนแปรงฟัน
กรดในน้ำส้มจะเกาะติดที่ผิวเคลือบฟัน เมื่อแปรงฟันอาจทำให้เคลือบฟันเสียหายได้ หากดื่มน้ำส้มเป็นประจำก่อนแปรงฟัน ควรบ้วนปากทันทีหลังจากดื่มน้ำส้ม เพื่อขจัดการเกาะตัวของกรดบนฟัน และป้องกันการกัดกร่อนของกรดบนเคลือบฟัน.
ที่มาและภาพ: Soha, Family Doctor, NoName_13 / Pixabay