สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงดามัสกัส ประเทศซีเรีย เมื่อวันที่ 11 ธ.ค. ว่า กลุ่มฮายัต ตาห์รีร์ อัล-ชาม (เอชทีเอส) ซึ่งเป็นแกนนำของฝ่ายกบฏซีเรีย ในการโค่นอำนาจประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ออกแถลงการณ์ แต่งตั้งนายโมฮัมเหม็ด อัล-บาเชียร์ ให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของรัฐบาลเปลี่ยนผ่าน โดนมีการระบุชัดเจน ว่าบาเชียร์ จะดำรงตำแหน่งจนถึงวันที่ 1 มี.ค. 2568


ขณะที่บาเชียร์กล่าวระหว่างการประชุมคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ซึ่งรวมถึงรัฐมนตรีหลายคนจากรัฐบาลอัสซาด ว่าถึงเวลาแล้วที่ซีเรียต้องมีช่วงเวลาซึ่ง “มีเสถียรภาพและความสงบสุขอย่างแท้จริง”


ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา บาเชียร์ วัย 41 ปี แทบไม่เป็นที่รู้จัก สำหรับชาวซีเรียซึ่งอยู่นอกพื้นที่ยึดครองของเอชทีเอส ที่ส่วนใหญ่คือภูมิภาคทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ ครอบคลุมจังหวัดอิดลิบและจังหวัดอเลปโป


ก่อนสงครามกลางเมืองในซีเรียปะทุ เมื่อปี 2554 บาเชียร์ เป็นวิศวกรไฟฟ้า และทำงานอยู่ตามโรงงานผลิตก๊าซธรรมชาติหลายแห่ง และเข้าร่วมกับฝ่ายต่อต้านรัฐบาล เมื่อสงครามเปิดฉาก จนกระทั่งได้รับการแต่งตั้ง ให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของเอชทีเอส เมื่อเดือน ม.ค. ที่ผ่านมา เพื่อบริหารดินแดนที่อยู่ภายใต้การยึดครอง ในรูปแบบเดียวกับรัฐ โดยมีประชาชนอยู่ในความดูแลมากถึง 4 ล้านคน


อีกด้านหนึ่ง นายเกียร์ พีเดอร์เซน ผู้แทนพิเศษด้านกิจการซีเรียของสหประชาชาติ (ยูเอ็น) กล่าวว่า สถานการณ์ในซีเรียยังคงมีความน่าวิตกกังวล จากการที่อิสราเอลยกระดับปฏิบัติการทางทหารในซีเรีย ซึ่งกำลังเผชิญกับภาวะสุญญากาศ จากการที่กองกำลังฝ่ายต่อต้านรัฐบาล โค่นอำนาจของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ซึ่งผูกขาดการปกครองซีเรียมานาน 2 ทศวรรษ

เกี่ยวกับท่าทีของเอชทีเอส ซึ่งเป็นผู้นำกองกำลังที่โค่นล้มรัฐบาลอัสซาด ผู้แทนพิเศษของยูเอ็นกล่าวว่า “จนถึงตอนนี้” เอชทีเอสและพันธมิตร “ยังคงมีท่าทีเป็นมิตร” กับชาวซีเรีย


ทั้งนี้ องค์กรสังเกตการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนซีเรีย (เอสโอเอชอาร์) รายงานว่า นับตั้งแต่มีการยืนยันว่า อัสซาดและครอบครัวเดินทางออกไปจากซีเรีย หลังกองกำลังฝ่ายต่อต้านยกพลเข้าสู่กรุงดามัสกัสสำเร็จ กองทัพอิสราเอลปฏิบัติการโจมตีเป้าหมายในซีเรียแล้วมากกว่า 300 ครั้ง.

เครดิตภาพ : AFP