เมื่อวันที่ 11 ธ.ค. นายเทพไท เสนพงศ์ อดีตสส.นครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า เมื่อมีการเปิดประเด็นเรื่องร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม (ฉบับที่…) พ.ศ. … ของ สส.พรรคเพื่อไทยออกมา เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพรรคร่วมรัฐบาล อย่างความเห็นของนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ประกาศไม่เอาด้วยกับร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ และนายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี และโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ เปิดเผยมติพรรครวมไทยสร้างชาติ ว่าไม่เห็นด้วยกับการแก้ไข พ.ร.บ.ดังกล่าว เพราะกลัวว่าการเมืองเข้าแทรกแซงกองทัพ กระทบความมั่นคงของชาติ ซึ่งการแสดงท่าทีของพรรคร่วมรัฐบาลในครั้งนี้ ทำให้เห็นถึงจุดยืนของพรรคร่วมรัฐบาลต่อเรื่องการปฏิรูปกองทัพว่ามีความแตกต่างกัน จึงทำให้เห็นความไม่ลงรอย หรือความขัดแย้งทางความคิดชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ เพราะพรรคร่วมรัฐบาลในชุดนี้ต่างมีจุดยืนและอุดมการณ์ทางการเมืองที่แตกต่างกัน ข้ามขั้วมาจัดตั้งรัฐบาล ก็เพราะดีลลับทางการเมือง จึงไม่แปลกใจว่าทำไมความเห็นต่อเรื่องร่างพ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม ไม่ได้เป็นไปในแนวทางเดียวกัน

นายเทพไท กล่าวอีกว่า ถ้าดูท่าทีความเห็นของนายประยุทธ์ ศิริพานิชย์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เจ้าของร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ ที่เริ่มถอดใจ จะขอถอนร่างกลับมาปรับปรุงใหม่ และความเห็นของนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ที่ระบุว่าร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้เป็นเรื่องส่วนตัวของสส. ไม่เกี่ยวกับพรรคและรัฐบาล ซึ่งแสดงให้เห็นว่าพรรคเพื่อไทยและรัฐบาลกำลังถอยเรื่องนี้ ไม่กล้าเดินหน้าต่อไป จึงถือเป็นอีกนโยบายหนึ่งที่พรรคเพื่อไทยไม่สามารถเดินหน้าได้สำเร็จ

“ถ้าพรรคเพื่อไทยมีความจริงใจ และมีความมุ่งมั่นที่จะปฏิรูปกองทัพ โดยการออก พ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหมให้ได้ ก็สามารถทำได้ เพราะยังมีเสียงสนับสนุนจากพรรคประชาชน  พร้อมโหวตให้กฎหมายฉบับนี้ผ่านไปได้อย่างสะดวก แต่ต้องถามใจพรรคเพื่อไทยดังๆ ว่า ยังมีความกล้าอยู่หรือเปล่า” นายเทพไท กล่าว