รายงานข่าวจาก สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า สถิติการดำเนินการของสายด่วนแจ้งหลอกลงทุน ใน 11 เดือนแรกของปี 2567 (1 ม.ค.-9 ธ.ค. 67) ก.ล.ต. ได้ประสานงานกับผู้ให้บริการแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ เพื่อปิดกั้นบัญชีที่เข้าข่ายหลอกลวงลงทุนและปิดกั้นได้แล้ว 2,940 บัญชี จากที่ ก.ล.ต. ได้รับแจ้งเบาะแสหลอกลงทุน รวมทั้งสิ้น 5,057 ครั้ง ผ่านทางระบบรับแจ้งบนเว็บไซต์ ก.ล.ต. www.sec.or.th/scamalert อีเมล [email protected] และโทร. 1207 กด 22

ทั้งนี้ จากจำนวนบัญชีที่แจ้งปิดกั้นเนื้อหาหรือช่องทางการหลอกลงทุนแล้ว จำนวน 2,968 บัญชี ส่วนใหญ่เป็นช่องทางโซเชียลมีเดีย โดยเป็นช่องทางติ๊กต็อกมากที่สุด จำนวน 1,502 บัญชี รองลงมาเป็นช่องทางเฟซบุ๊กจำนวน 1,318 บัญชี และช่องทางไลน์ จำนวน 148 บัญชี
ขณะเดียวกัน ก.ล.ต. ได้เปิดเผยสถิติการบังคับใช้กฎหมายกล่าวโทษผู้กระทำผิดต่อพนักงานสอบสวนคดีอาญา จากการกระทำอันไม่เป็นธรรม การซื้อขายหลักทรัพย์และสินทรัพย์ดิจิทัล ช่วงวันที่ 1 ม.ค.-9 ธ.ค. 67 พบว่ามีทั้งหมด 13 คดี 87 ราย มาจากการสร้างราคา 50 ราย เผยแพร่ข่าว 7 ราย และดำเนินการตามมาตรการลงโทษทางแพ่งทั้งหมด 72 ราย 10 คดี แบ่งเป็น เกิดจากการสร้างราคา 62 ราย และการเปิดเผยข้อมูลภายใน 10 ราย
อย่างไรก็ตาม ได้นำเงินค่าปรับทางแพ่ง 2,525 ล้านบาท และเงินค่าชดใช้คืนผลประโยชน์ที่ได้รับจากการกระทำผิด 586 ล้านบาท นับตั้งแต่ปี 60-9 ธ.ค. 67 เป็นรายได้แผ่นดินที่นำส่งกระทรวงการคลังแล้ว โดยที่ช่วงวันที่ 1 ม.ค.-9 ธ.ค. 67 มีเงินค่าปรับทางแพ่ง 492,686,511 บาท เงินค่าชดใช้คืนผลประโยชน์ที่ได้รับจากการกระทำผิด 203,687,166 บาท และชดใช้เงินค่าใช้จ่ายในการตรวจสอบ 4,471,966 บาท