สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานจากเมืองเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 12 ธ.ค. ว่า นับตั้งแต่การขับไล่อัสซาด อิสราเอล ซึ่งมีพรมแดนติดกับซีเรีย ได้ส่งทหารเข้าไปควบคุมพื้นที่กันชน ทางตะวันออกของที่ราบสูงโกลัน นับเป็นความเคลื่อนไหวที่ยูเอ็นระบุว่า ละเมิดข้อตกลงการถอนกำลังทหาร ปี 2517 ระหว่างสองประเทศ

นอกจากนี้ กองทัพอิสราเอลยังโจมตีทรัพย์สินของกองทัพซีเรีย “หลายร้อยครั้ง” ในช่วงสองวันที่ผ่านมา ซึ่งพวกเขาอ้างว่าโจมตีเป้าหมายทุกอย่าง ตั้งแต่คลังอาวุธเคมี ไปจนถึงระบบป้องกันภัยทางอากาศ เพื่อไม่ให้ตกอยู่ในมือของฝ่ายกบฏ

“มันไม่มีพื้นฐานใด ๆ ภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศ ที่ระบุถึงการปลดอาวุธประเทศที่คุณไม่ชอบ เพื่อเป็นการป้องกันล่วงหน้าได้” นายเบ็น ซาอูล ผู้จัดทำรายงานพิเศษด้านการส่งเสริมสิทธิมนุษยชนและการต่อต้านการก่อการร้าย จากยูเอ็น กล่าวกับนักข่าวในเมืองเจนีวา

อนึ่ง ซาอูลประณามว่า การโจมตีในปัจจุบัน ถือเป็นการสานต่อสิ่งที่อิสราเอลทำในซีเรียมาอย่างน้อย 10 ปี โดยชี้ให้เห็นว่า การโจมตีเชิงป้องกันหลายร้อยครั้งของกองกำลังอิสราเอล ตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา พุ่งเป้าไปที่คลังอาวุธและสิ่งของของกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ แม้กลุ่มติดอาวุธในเลบานอน ไม่ได้โจมตีอิสราเอลจากซีเรียก็ตาม

ขณะที่ นายจอร์จ คาทรูกาลอส ผู้จัดทำรายงานพิเศษด้านการส่งเสริมระเบียบระหว่างประเทศที่เป็นประชาธิปไตยและเท่าเทียมกัน กล่าวเสริมว่า การกระทำของอิสราเอล ถือเป็นการโจมตีโดยไม่มีเหตุผลต่อรัฐที่มีอำนาจอธิปไตย ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการไม่เคารพกฎหมายของอิสราเอล.

เครดิตภาพ : AFP