เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 12 ธ.ค. ที่สตูดิโอ 4 อาคารศูนย์ปฏิบัติการแพร่ภาพออกอากาศการกระจายเสียงวิทยุและการให้บริการข้อมูลข่าวสารภาครัฐ สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (NBT) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการแถลงผลการดำเนินงานของรัฐบาลรอบ 3 เดือน ภายใต้ชื่อ “2568 โอกาสไทย ทำได้จริง” และการมอบนโยบายการบริหารราชการแผ่นดินของนายกรัฐมนตรี ใช้เวลาประมาณ 45 นาที ซึ่งมีคณะรัฐมนตรี (ครม.) คณะที่ปรึกษานโยบายของนายกรัฐมนตรี หัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงหรือเทียบเท่า ข้าราชการฝ่ายการเมือง หัวหน้าส่วนราชการระดับกรมหรือเทียบเท่า ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้บัญชาการเหล่าทัพ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ โฆษกกระทรวง หัวหน้ารัฐวิสาหกิจ และผู้บริหารองค์การมหาชน เข้าร่วม นอกจากนี้ยังมีนายปิฎก สุขสวัสดิ์ สามีมาร่วมงานด้วย โดยก่อนที่ น.ส.แพทองธาร จะกล่าวแถลงผลงาน ได้เปิดคลิปวิดีโอการลงพื้นที่ทั่วประเทศตั้งแต่เข้ารับตำแหน่ง
จากนั้นนายกฯ กล่าวว่า คลิปวิดีโอที่ได้รับชม เป็นผลงานตั้งแต่สมัยของนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี ส่งไม้ต่อมาถึงรัฐบาลปัจจุบัน เวลา 90 วันตั้งแต่แถลงนโยบายต่อรัฐสภา เป็นช่วงเวลาของการปรับตัวระหว่างตัวดิฉัน คณะรัฐมนตรี และเพื่อนข้าราชการทุกท่าน เพื่อหาแนวทางกันว่าการทำงานแบบไหนที่เราจะสามารถทำให้ประชาชนมีชีวิตที่ดีขึ้นได้ ช่วงเวลา 90 วันในฐานะนายกฯ เป็นช่วงเวลาที่สำคัญ ที่เข้ามาเรียนรู้และทำเรื่องต่างๆ วันนี้ทั้งข้าราชการ คณะรัฐมนตรี พี่น้องประชาชน เราทั้งหมดคือทีมเดียวกัน ช่วงเวลาที่ผ่านมาอาจจะมีบางช่วงมีการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างที่เราไม่คาดฝัน แต่วันนี้เรากลับมาแล้ว เราเป็นรัฐบาลที่ร่วมมือกันทำงานแข็งแรงและมองไปข้างหน้า เพื่ออนาคตของประเทศไทยและเพื่อพี่น้องประชาชนเดินหน้าอย่างมั่นคง เราวางรากฐานวางโครงสร้างที่สำคัญไว้ให้กับประเทศไทยในอีกทศวรรษข้างหน้า ให้ประเทศไทยของเรามีกิน มีใช้ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี ภาพของประเทศไทยในปี 2568 เป็นปีของโอกาสที่จับต้องได้รัฐบาลจะสร้างผลงานที่เป็นรูปธรรม สร้างสิ่งที่คนเขาคิดว่าเป็นแค่ความฝันให้มันเกิดขึ้นจริงได้ ทำให้มีสิ่งที่เรียกว่านโยบาย แน่นอนว่าที่ผ่านมามีความขัดแย้งเกิดขึ้นกับประเทศไทย ภายใต้ความขัดแย้งในด้านของการเมืองมานานกว่า 20 ปี ซึ่งวันนี้เราทุกคนพร้อมที่จะเดินต่อไปข้างหน้า เพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น
น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้งมีมานานแต่ไม่เคยได้รับการแก้ปัญหาอย่างบูรณาการ จากนี้ต้องร่วมกันแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ รวมถึงจะมีการแก้กฎหมายให้ประชาชนขุดลอกคูคลองเอาดินไปขาย เป็นโครงการใหม่ที่เราจะศึกษาในรายละเอียดต่อไป และมากไปกว่าการสร้างฟลัดเวย์ ที่เป็นโครงการใหญ่จะแก้ปัญหาน้ำแล้งให้คนภาคกลาง ขอมอบหมายให้นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรมว.คมนาคม และนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี)ไปดูข้อกฎหมายเพื่อแก้ปัญหาระยะยาว สำหรับปัญหาฝุ่น PM2.5 ปีนี้พื้นที่ภาคเหนือสามารถลดการเผ่าไหม้ลงได้ 50% แต่การจะให้หมดไปเลยต้องใช้เวลาอีกนาน ซึ่งเรามีนโยบายไม่รับซื้อผลิตภัณฑ์ที่มาจากการเผาไหม้จากประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อคืนสุขภาพดีดีให้ประชาชน โดยมอบหมายนายประเสริฐ ช่วยดำเนินการต่อ
น.ส.แพทองธาร กล่าวต่อว่า ปัญหายาเสพติด ตนได้ทำแพลตฟอร์ม สำหรับให้ประชาชน แจ้งเบาะแสเกี่ยวกับยาเสพติดได้โดยตรงผ่านแพลตฟอร์มถึงนายกฯ และจะปกปิดข้อมูลส่วนตัวของผู้แจ้งเพื่อรักษาความปลอดภัยของผู้ให้ข้อมูล ขอมอบให้ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.กลาโหม ดูต่อ และรัฐบาลเชื่ออย่างยิ่งเรื่องการทลายทุนผูกขาด ที่ทำให้ประชาชนจนลง เช่นเรื่องของข้าวที่มีกฎหมายควบคุมเป็นยุทธภัณฑ์ตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่สอง มีการกำหนดว่าผู้ส่งออกข้าวต้องมีที่เก็บข้าว 500 ตัน ทำให้เอสเอ็มอีไม่มีสิทธิส่งข้าวออกต่างประเทศ รัฐบาลจะปลดล็อกเรื่องนี้ และลดขั้นตอนลงให้เอสเอ็มอีมีโอกาสส่งออกข้าวไปขายด้วยตัวเอง
น.ส.แพทองธาร กล่าวอีกว่า สำหรับเรื่องราคาพลังงาน เรื่องนี้จะต้องถูกจัดการ และค่าไฟค่าพลังงานในปีหน้าจะต้องลดลงอย่างแน่นอน ขออนุญาตฝาก นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯ และรมว.พลังงาน ให้ไปดูต่อในเรื่องนี้ พร้อมกันนี้ในเรื่องสุราชุมชน จะเปิดโอกาสเปิดพื้นที่สร้างสรรค์ให้กับประชาชนสร้างธุรกิจใหม่ เพื่อเปิดตลาดใหม่ๆ โดยอยู่ระหว่างแก้กฎหมายอยู่
นอกจากนี้ ธุรกิจนอกระบบหรือใต้ดินเราต้องนำเข้าสู่ระบบ และเสียภาษีตามหลักให้ได้ เพราะธุรกิจเหล่านี้มีมูลค่ามากกว่า 49% ของจีดีพีไทย เป็นแหล่งรวมมาเฟียและการคอร์รัปชันของข้าราชการบางส่วน ถ้าเราเอาทุกอย่างขึ้นมาไว้บนดิน สามารถเก็บภาษีได้ตามระบบ มอบหมายนายให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย และนายประเสริฐ ไปดำเนินการต่อ
น.ส.แพทองธาร กล่าวด้วยว่า ดิฉันได้เป็นนายกฯ ก็ถามตัวเองว่าอยากได้อะไร และอยากให้อะไรเกิดขึ้นกับประเทศไทย การเป็นนายกฯ ของดิฉัน ดิฉันอยากจะสร้างนโยบายดีๆ ให้กับประเทศไทย ไม่ว่าใครเข้ามาเป็นนายกฯ แต่นโยบายยังอยู่ ทำประโยชน์ให้กับประชาชนนั่นคือสิ่งที่ตั้งใจไว้ หลังจากนี้จะเกิดขึ้นในปี 2568 เราจะนำนโยบายดีๆ ที่เคยใช้ในอดีตกลับมาใช้ เช่น นโยบายแรกคือ นโยบายหนึ่งอำเภอหนึ่งทุน (ODOS) เพื่อส่งเด็กเรียนเก่งเรียนดี ได้ไปเรียนต่อระดับปริญญาตรีในมหาวิทยาลัยชั้นนำในต่างประเทศ ใช้เงินจากกองสลากกินแบ่งรัฐบาล และโครงการหนึ่งอำเภอหนึ่งซัมเมอร์แคมป์ ส่งเด็กไทยไปเรียนซัมเมอร์แคมป์ที่ต่างประเทศ เพื่อให้เรียนรู้ประสบการณ์ใหม่ๆ นโยบายที่ 2นำเงินกองสลากมาพัฒนาโรงเรียนประจำอำเภอ นอกจานี้ยังมีโครงการ SML EMPOWERING THAIS กระจายอำนาจสู่ชุมชน ส่งเงินถึงมือประชาชนโดยตรงในทุกหมู่บ้าน ให้คนในพื้นที่เลือกประกอบอาชีพ
น.ส.แพทองธาร กล่าวต่อว่า นโยบายที่ 3 โครงการ “บ้านเพื่อคนไทย” ให้คนไทยโดยเฉพาะเด็กจบใหม่ที่ไม่เคยมีบ้าน ได้มีที่อยู่อาศัยใจกลางเมืองเดินทางสะดวก โดยจะใช้พื้นที่ของรัฐที่ไม่ได้ทำประโยชน์ ทำเลดีใกล้รถไฟฟ้า โดยเริ่มที่ที่ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ในกรุงเทพฯ เป็นทั้งบ้านและคอนโดฯ ดีๆ เริ่มต้นที่ประมาณ 30 ตารางเมตร มีเฟอร์นิเจอร์ให้ ไม่ต้องจ่ายเงินดาวน์ จ่ายในระบบของค่าเช่าเดือนละ 4,000 บาท ผ่อนได้ยาว 30 ปี มีสิทธิอยู่ถึง 99 ปี ซึ่งปีหน้าจะมีห้องตัวอย่างมาให้ดู โดยมอบให้ นายสุริยะ และนายพิชัย ชุณหะวัณ รองนายกฯ และรมว.คลัง ดำเนินการ นโยบายที่ 4 โครงการรถไฟฟ้า 20 บ้านตลอดสายจะเกิดขึ้นในปี 68 แน่นอน นโยบายที่ 5 โครงการดิจิทัลวอลเล็ตเฟตสอง 2 สำหรับผู้สูงอายุ 4 ล้านคน จะได้ในวันตรุษจีนปี 68 และเฟส 3 บุคคลทั่วไปจะให้ในรูปแบบดิจิทัล เพื่อให้รัฐใกล้ชิดประชาชนมากยิ่งขึ้น โดยจะสำเร็จในปี 68
น.ส.แพทองธาร กล่าวอีกว่า และนโยบายที่ 6 โครงการคุณสู้ เราช่วย ลดหนี้ครัวเรือน ดันเศรษฐกิจไทยแก้หนี้ครัวเรือน โดยเน้นที่หนี้ “รถยนต์” และ “บ้าน” โดยธนาคารแห่งประเทศไทยและสมาคมธนาคาร ตกลงที่จะลดการส่งเงินเข้ากองทุนฟื้นฟูลง 0.23% ซึ่งเป็นเงินกว่า 39,000 ล้านต่อปี และธนาคารพาณิชย์จะเติมให้อีก 39,000 รวมกันเป็น 78,000 ล้านบาทต่อปี เพื่อพักดอกเบี้ย 3 ปี ให้ลูกหนี้จ่ายคืนเงินต้นได้เต็มจำนวน โดยจะเริ่มดำเนินการในต้นปี 2568 พร้อมมาตรการประนอมหนี้แบบพิเศษที่จะล้างหนี้ให้ทั้งหมด สำหรับลูกหนี้มูลหนี้ต่ำกว่า 5,000 บาท
“ประชาชนคนไทยมี 66 ล้านคน ข้าราชการมีประมาณ 3 ล้านคน ขอเทียบกันจริงๆ เลขมันดูห่างกันมาก แต่ 3 ล้านกว่าคนคือกลไกที่สำคัญอย่างมาก ในการผลักดันประเทศ วันนี้ขอบคุณทุกท่านที่มาในวันนี้ มารอปีหน้าที่เป็นปีแห่งโอกาส และความหวัง เรามามีความหวังไปด้วยกัน“ นายกฯ กล่าว
ต่อมา นายกฯ ถ่ายภาพร่วมกับ รองนายกฯ คณะรัฐมนตรี และผู้บริหารส่วนราชการต่างๆ ก่อนนายกฯ พบปะพูดคุยกับรัฐมนตรี ตามที่ได้แบ่งกลุ่มเขตตรวจราชการ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนนายกฯ เดินทางกลับ ได้มีชาวบ้านประมาณ 4 คน มาถือป้ายเรียกร้องให้แก้ปัญหาที่ดินทำกิน ซึ่งไปมาหลายหน่วยงานแล้ว แต่ยังไม่ได้รับการตอบรับ โดยชาวบ้านกลุ่มดังกล่าวได้พยายามตะโกนเสียงดังและเรียกร้องให้นายกฯ มาพูดคุย โดย นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เป็นตัวแทนมาเจรจาและรับเรื่อง.