เมื่อวันที่ 12 ธ.ค. นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์  เป็นประธานเปิดงานวันรำลึกมิสคอลฟีลด์ ประจำปี 2567 พร้อมปาฐกถาพิเศษ ในหัวข้อ “85 ปี การศึกษาคนตาบอดไทย รากฐานที่ยิ่งใหญ่ในการดำเนินงานด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ” พร้อมมอบทุนการศึกษาให้กับนักเรียนจากทุกภาคของโรงเรียนสอนคนตาบอดกรุงเทพ โดยมีนางเสาวณี สุวรรณชีพ ประธานมูลนิธิช่วยคนตาบอดแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์ นายคนิตย์ ผามะณี ประธานกองทุนอาจารย์เจเนวีฟคอลฟีลด์เพื่อการศึกษาและเสริมสร้างคุณค่าสังคมไทย ร่วมด้วย

นายวราวุธ กล่าวว่า ในฐานะ รมว.พม. ตนดีใจมาก ที่ได้เห็นศักยภาพของคนพิการในแต่ละสาขา วงแรกที่ได้เห็นคือวงของผู้สูงอายุ ทำให้พี่น้องผู้สูงอายุได้มีกิจกรรมและฝึกประสาทสัมผัส ซึ่งวันนี้ประเทศไทยกำลังกลายเป็นสังคมสูงอายุสมบูรณ์แบบ แปลว่ามีผู้สูงอายุเพิ่มมากขึ้นทุกปี และแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ดังนั้นอนาคตของประเทศ ไม่ว่าเพศใด สถานะใด เราต้องดูแลให้ดี ต้องขอขอบคุณทางมูลนิธิฯ ที่ได้ช่วยเสริมศักยภาพของลูกหลานอนาคตของประเทศไทย ที่ถึงแม้ตาบอดแต่ใจไม่ได้บอด และมีจิตใจยังคงงดงาม

วันนี้สังคมไทยต้องการพลังของคนทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นสถานะใด จะเป็นปกติ หรือจะพิการ แต่ทุกคนล้วนแต่มีศักยภาพซ่อนอยู่ ตนได้เห็นถึงศักยภาพ ความสามารถต่างๆ ที่คนปกติยังไม่สามารถทำได้ พม.จึงมีการจ้างงานตามความสามารถไม่ใช่เพราะความพิการ เช่น คนตาบอดมีทักษะในการฟังดีกว่าคนทั่วไป เป็นต้น ดังนั้นคนพิการมีสิทธิที่ควรจะต้องอยู่ในสังคมไทยได้อย่างอิสระ ด้วยเกียรติและศักดิ์ศรีที่เท่ากัน นี่คือหน้าที่ของ พม. ที่จะต้องผลักดันให้เกิดอารยสถาปัตย์ที่เอื้อต่อการใช้ชีวิตคนพิการ ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องอาศัยความร่วมมือกันของทุกฝ่ายทั้งภาครัฐ ภาคเอกชนและภาคประชาสังคม

“ที่ผ่านมาหลายคนอาจมองกระทรวง พม.ว่าเป็นกระทรวงสังคมสงเคราะห์ ไปทำอะไรที่ไหนก็บอกว่าได้บุญ แต่สิ่งที่ผมได้เรียนรู้อย่างหนึ่งนั่นคือสิ่งที่คนพิการเกลียดที่สุดคือการบอกว่าทำแบบนี้เราได้บุญ คนพิการไม่ต้องการบุญ แต่คนพิการต้องการโอกาส และต้องการสิทธิในการเข้าถึงสิ่งต่างๆ เหมือนกับคนทั่วไป ซึ่งตั้งแต่ผมเข้ามาทำงาน ได้มาปรับเปลี่ยนบทบาทของกระทรวง พม. จากกระทรวงสังคมสงเคราะห์เป็นกระทรวงที่จะเอาความสามารถผลักดันให้คนพิการ คนทุกกลุ่ม รวมทั้งผู้สูงอายุ มีศักยภาพที่เพิ่มมากขึ้น” นายวราวุธ กล่าว

นายวราวุธ กล่าวอีกว่า ดังนั้นบริบทการทำงานของ พม. ในวันนี้จะเป็นกระทรวงหนึ่งที่จะช่วยผลักดันเศรษฐกิจของประเทศ เสริมศักยภาพให้กับคนพิการไม่ว่าจะพิการในรูปแบบใด และการทำงานในปีนี้เรายังทำงานกันอย่างหนักต่อไป และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า การทำงานเหล่านี้จะได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่าย โดยเฉพาะจากมูลนิธิฯ ซึ่งจะทำให้การทำงานของ พม. ส่งผลให้คนพิการมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น มีศักยภาพและใช้ศักยภาพเหล่านั้นทำให้ประเทศไทยเดินไปข้างหน้า โดยที่ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังอย่างแท้จริง

นายวราวุธ กล่าวว่า นอกจากนี้ยังมีความร่วมมือกับภาคเอกชนในการจัดทำโครงการพัฒนาเพิ่มขึ้นจากการทำกับบทบรรยายของภาพยนตร์จากฮอลลีวูดโดยใช้เงินจากกองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการในการพัฒนาซอฟต์แวร์ ซึ่งการพัฒนาโครงการดังกล่าว ในอนาคตจะทำให้คนตาบอดทุกคนสามารถดูภาพยนตร์ในโรงภาพยนตร์ และฟังภาพยนตร์ได้เหมือนกันทุกคนผ่านแอป ซึ่งกระทรวง พม. หวังว่าการใช้งบฯ ในทุกโครงการไปนั้นจะทำให้คุณภาพชีวิตของคนพิการในประเทศไทยดีขึ้น พร้อมสานต่อเจตนารมณ์ของอาจารย์เจเนวีฟ คอลฟีลด์ ที่ได้เน้นย้ำไว้ว่าคนตาบอดจะต้องรวมกันเพื่อทำงานให้กับคนตาบอดที่รอโอกาสและสร้างเจตคติให้สังคมรับรู้ถึงศักยภาพของคนตาบอด และขอขอบคุณภาคเอกชนทุกฝ่าย ที่ช่วยกันผลักดันให้คนพิการได้มีโอกาสและมีความหวัง สามารถเป็นส่วนหนึ่งในการที่จะนำพาประเทศไทยไปข้างหน้า.