สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล เมื่อวันที่ 13 ธ.ค. ว่า นายโอเรน มอร์มอนชไตน์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศอิสราเอล กล่าวถึงการที่กองทัพอิสราเอลเข้ายึดพื้นที่กันชนบนที่ราบสูงโกลัน หลังกองทัพซีเรียถอนกำลังเพราะการล่มสลายของรัฐบาลประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด “คือการป้องกันตนเอง” เนื่องจาก “ภัยคุกคามจากกองกำลังหัวรุนแรงตามแนวชายแดนยังคงมีอยู่” และอิสราเอลจะดำเนินการเพื่อป้องกันตนเองต่อไป
ขณะที่ทำเนียบนายกรัฐมนตรีอิสราเอลออกแถลงการณ์ ว่าการล่มสลายของรัฐบาลอัสซาด ก่อให้เกิด “ภาวะสุญญากาศ” ตามแนวชายแดนของอิสราเอล และเขตกันชนบนที่ราบสูงโกลัน จึงเป็นสาเหตุให้กองทัพอิสราเอลส่งทหารเข้าไปกระชับพื้นที่บนที่ราบสูงโกลัน
Prime Minister Benjamin Netanyahu:
— Prime Minister of Israel (@IsraeliPM) December 8, 2024
"This is a historic day for the Middle East. The collapse of the Assad regime, the tyranny in Damascus, offers great opportunity but also is fraught with significant dangers. pic.twitter.com/wVKyO3vKMb
ทั้งนี้ อิสราเอลยึดครองพื้นที่ทั้งหมดของที่ราบสูงโกลัน หลังเป็นฝ่ายชนะสงครามหกวัน เมื่อปี 2510 และขัดขวางความพยายามแย่งชิงพื้นที่กลับคืนของซีเรีย หลังชนะสงครามอาหรับ-อิสราเอล เมื่อปี 2516
ด้านนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ผู้นำอิสราเอล กล่าวว่า “เพื่อความมั่นคง” ของอิสราเอล ที่ราบสูงโกลัน “เป็นของอิสราเอลตลอดไป” เนื่องจากการที่กองทัพซีเรียถอนกำลังออกจากบริเวณนี้ หลังการล่มสลายของรัฐบาลอัสซาด เท่ากับเป็นการสิ้นสุดข้อผูกพันทั้งหมด ตามข้อตกลงระหว่างประเทศ.
เครดิตภาพ : AFP