เมื่อวันที่ 13 ธ.ค. นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า ถ้าใครได้ฟังนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปราศรัยที่ จ.อุบลราชธานี เมื่อวันที่ 11 ธ.ค.ที่ผ่านมา ตอนหนึ่งที่ระบุว่าให้เอา สส.คืนพรรคเพื่อไทยแล้วพรรคเพื่อไทยจะเอานโยบายมาชุบชีวิตให้ประชาชนมีความสุข มีความเจริญ และนายทักษิณระบุอีกว่าตัวเองมีอายุ 75 ปี มีเงิน มีเวลา และยังพอมีแรง จึงยังต้องรับใช้คนไทยต่อไปแม้ไม่มีตำแหน่งนั้น แสดงให้เห็นจิตใต้สำนึกของนายทักษิณว่ายังต้องการจะกลับมาเป็นผู้บริหารประเทศอีกครั้ง ทั้งนี้ นายทักษิณคงรู้ดีว่าการผลักดันให้ น.ส.แพทองธารขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี ไม่สามารถบริหารประเทศได้ เพราะยังขาดวัยวุฒิ คุณวุฒิ และไร้เดียงสาทางการเมือง แม้นายทักษิณชักใยอยู่เบื้องหลังแล้ว แต่น.ส.แพทองธารไม่สามารถทำได้ดั่งใจที่ต้องการ ซึ่งจำเป็นต้องเปิดหน้าออกมาเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา
“การที่นายทักษิณเคยประกาศตอนหนีคดีอยู่ต่างประเทศว่าต้องการกลับมาเลี้ยงหลาน และจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมืองอีกแล้ว เป็นเพียงข้ออ้างเพื่อต้องการกลับเมืองไทยเท่านั้น แต่ในความเป็นจริง เห็นๆ กันอยู่ว่านายทักษิณเป็นผู้บงการทางการเมืองของรัฐบาลชุดนี้ทั้งหมด เป็นผู้มีอำนาจสูงสุดในรัฐบาลและพรรคเพื่อไทย นายทักษิณไม่ได้กลับมาเลี้ยงหลานตามที่กล่าวอ้าง แต่กลับมาเลี้ยงลูก เป็นพี่เลี้ยงให้ลูก อยู่เบื้องหลังการเป็นนายกรัฐมนตรีของลูกสาวทุกอย่าง” นายเทพไท กล่าว
นายเทพไท กล่าวอีกว่า การเคลื่อนไหวทางการเมืองทั้งหมดของนายทักษิณ เป็นการส่งสัญญาณไปถึงชนชั้นฝ่ายอนุรักษนิยมว่า ปัญหาบ้านเมืองที่เป็นอยู่ในตอนนี้ ต้องให้นายทักษิณเท่านั้นเป็นผู้เข้ามาแก้ไข และเป็นผู้นำประเทศ หวังต้องการให้มีการปลดล็อกหรือพันธนาการทางการเมืองให้ตัวเองเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง ขอให้จับตาดูว่าจะมีปาฏิหาริย์ อภินิหารใดที่ทำให้นายทักษิณได้กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้งหรือไม่