เมื่อวันที่ 13 ธ.ค. ที่โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ นายทักษิณ​ ชินวัตร​ อดีตนายก​รัฐมนตรี​ สวมบทวิทยากร ขึ้นเวทีสัมมนาพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ขอบคุณที่มีโพเทียมให้เกาะ​ เพราะว่า​คนอายุ 75 ปี แล้ว​ นึกว่าจะต้องยืนพูดแบบนายเศรษฐา คงจะไม่ไหว ตนเคยนั่งอยู่ข้างล่าง ฟัง​ น.ส.แพทองธาร​ พูดบนเวทีสมัยตอนที่เรียนมัธยม และวันนี้เราเป็นผู้ปกครองก็สงสัยว่าทำไมวันนี้ลูกเราพูดเก่งขึ้น ดีใจที่ได้มาพูดคุยเป็นเรื่องเป็นราวอีกครั้งกับพรรคเพื่อไทย หลังจากที่เรา ไม่ค่อยได้พูดคุยกันตัวเป็นๆมานาน วันนี้ก็ได้กลับมาเมืองไทย คิดว่า คงจะทำประโยชน์ให้กับบ้านเมืองได้ไม่มากก็น้อย เพราะว่า​ เวลาก็เหลืออีกไม่นาน​ 75 ปีแล้ว คงเหลืออีกสัก 40 ปี ตนเป็นคนคิดบวก เป็นคนชอบพูดเล่น อย่าไปแปลกใจ ซึ่งตนบอกตลอดเวลาว่าขอเวลาอีก 40 ปี จะไปเจรจากับพระเจ้าในประเทศไทย ตนหายไป 17 ปี ยังไงขอเวลาคืนอีก 17 ปีแล้วกัน

นายทักษิณ​ กล่าวว่า​ วันนี้หัวข้อการสัมมนาก็ชัดเจนว่าเราต้องการเพิ่มศักยภาพของสส.พรรคเพื่อไทย นักการเมืองพรรคเพื่อไทย ก็เลยอยากจะมาเล่าสู่กันฟังถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในโลกนี้ และสิ่งที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองเราในปัจจุบัน ในฐานะที่ตนผ่านมาหมดแล้วเห็นมาหมดแล้วทุกอย่างและเห็นวันนี้ก็เห็นแล้ว หลายคนอาจจะยังไม่เข้าใจ ก็จะได้มาเล่าให้ฟัง การเป็นนักการเมือง ที่ต้องสามารถขึ้นมาพูดได้ทุกเวลา เราจะต้องเติมข้อมูลข่าวสารตลอดเวลา ติดตามเรื่องราวความเป็นไปของบ้านเมืองเราของประเทศเรา ถ้าเราติดตามตลอดเราก็จะสามารถหากมีอะไรก็จะพูดได้ตลอดบางทีบางคนพูดไม่ออก เพราะไม่ได้ตามประเด็น​ ดังนั้น สมัยตอนที่ตนเป็นนายกรัฐมนตรี​ ตนชอบอ่านหนังสือทุกอาทิตย์ การพัฒนาโลกไปทางไหนมาสรุปให้​ครม.ฟังเพื่อให้​ ครม.ได้อัพเดทตัวเอง

นายทักษิณ​ กล่าวถึงประเด็นการเมือง​ ​ด้วยว่า​ 2 วันก่อน​ มีการเอาพ.ร.ก.เข้า ปรากฏว่า มีพรรคร่วมบ้างพรรคโอดโอย แบบนี้ไม่ใช่เลือดสุพรรณ อยู่ด้วยกันก็ต้องพูดกัน​ ไม่อยากอยู่ก็ต้องบอกให้ชัดเจน​ เราเป็นคนพูดรู้เรื่อง ถ้าอยากอยู่ก็อยู่ถ้าไม่อยากอยู่ก็ส่งใบลาออกมา ง่ายดี

นายทักษิณ​ กล่าวต่อว่า​ วันนี้พรรคร่วมรัฐบาล ส่วนใหญ่เคยอยู่ร่วมกันมาตั้งแต่ไทยรักไทย เคยร่วมรัฐบาลกันมาก็เยอะ เพราะฉะนั้นความสัมพันธ์ควรจะดี แต่บางทีบางครั้งบางคน​ ก็ตื่นเต้น ตื่นเต้นกับคนมาร้อง คนจะมาเดินขบวน

“บังเอิญว่าเมื่อก่อนผมไปนครปฐม หมูมันเปลี่ยนเสียงเรียก มันเรียกผมพี่พี่ แต่เมื่อคืนก่อนผมไปนครปฐมอีกที หมูมันไม่เปลี่ยนเสียงเรียกแล้ว มันไม่เรียกพี่แล้ว มันอู๊ดๆเหมือนเดิม แสดงว่าผมไม่หมูแล้วนะ ขนาดหมูมันยังรู้ว่าผมไม่หมูแล้ว เพราะฉะนั้นไอ้คนที่ร้องผม ร้องพรรค​ ร้องไม่สำเร็จ​ ก็เตรียมถูกเช็คบิลด้วยละกันนะ​ “

นายทักษิณ​ กล่าวต่อว่า​ ประเทศไทยแปลกอย่างหนึ่ง​ คน​ไม่มีอาชีพ​กลับมีความเป็นอยู่ดี​ มีฐานะดี​ ดีกว่าคนมีอาชีพ แสดงให้เห็นว่า​ คนไทยไม่อยากมีเรื่อง ไม่อยากเอามือไปซุกหีบ​ หาเรื่องก็ปิดปาก ตนว่า​มันไม่ถูก​ เรากำลังส่งเสริมอาชีพที่ผิด ก่อนจะออกตัวว่า​ ตนไม่ได้พูดให้ใครได้ยินแต่ถ้า​ ปปง.​ สรรพากร​ ได้ยิน​ก็ไปตรวจสอบเอง​ เพราะบางคนเมีย​ 3 ลูก 5 ไม่ได้ทำอาชีพอะไร เลี้ยงได้อย่างไร บางคนส่งรูปไปเรียนต่างประเทศมหาวิทยาลัยแพงๆ​ เอาเงินที่ไหนไปส่ง​ เมื่ออาชีพไม่มี ดังนั้น​ ถึงเวลาที่ประเทศไทยต้องตรงไปตรงมา​ ผิดคือผิดถูกคือถูก พอได้แล้ว เพราะปัญหาเมื่อร้องไปร้องมา​ ทำให้ความไม่เชื่อมั่นในประเทศไทยสูง​ อย่างตอนที่ร้องตนองค์กรระหว่างประเทศก็มาถามว่ากังวลไหม ตนก็บอกว่าไม่ได้วิตกอะไร​ เพราะเชื่อว่าองค์กรอิสระ​ จะทำหน้าที่ได้อย่างดี เพียงแต่ไปเปิดช่องให้ใครก็ไม่รู้ร้อง​ได้ทุกคน​ มันควรให้ผู้เสียหายหรือองค์กรที่เกี่ยวข้องร้องได้เท่านั้น ตอนนี้องค์กรไม่เกี่ยวข้องก็ไปทำงานแบบเฮงซวยก็มี บางคนถูกไล่ออกจากงานตั้งแต่ไอทีวี​ ก็มาหาเรื่องตน​ ทั้งที่ไม่เกี่ยวข้องอะไร​เลย​ เพราะคนไทยเจ้าคิดเจ้าแค้น​ อย่างตน 17 ปี​ มีคนเล่นงาน​ไม่รู้เท่าไร​ ยังเฉยๆ​ ยกหูหาบอกจบนะ​ แต่เมื่อไม่จบก็แตะกันคนละที​ ก็ไม่เห็นเป็นไรเลย แต่ถ้าจบก็ต้องจบ แต่ถ้าไม่จบก็ไม่เห็นเป็นอะไร​ ตนเป็นคน อ๊อฟเฟอร์ก่อนว่าจบ แต่ดันไม่จบ ก็ไม่เห็นต้องจบ​ ก็แค่นั้น​ ไม่อยากเสียเวลายาว​ เสียมา 17 ปีพอแล้ว​

นายทักษิณ​ กล่าวต่อว่า​ พรรครวมรัฐบาล​ เราต้องทำงานด้วยกันแบบร่วมกันจริงๆตรงไปตรงมา​ มีอะไรไม่พอใจให้พูดคุยกัน​ เราปรับได้​ แต่สิ่งไหนที่เป็นนโยบายรัฐบาล​ต้องทำ​ เพราะเราสนับสนุนกันร่วมมาแล้ว​

“ไม่ใช่ได้ตำแหน่งแล้ว​ ไม่เอาแล้ว ทั้งนี้​ กระบวนการทางประชาธิปไตยง่ายจะตาย​ มีหลาย option จึงอยากส่งสัญญาณให้รู้ว่า​ วันนั้นไม่สวยเลย​ ที่มีการหลบหาย​ เมื่อ​ พ.ร.ก. (พระราชกำหนด)เข้า มันคือมาตรการ​ pillar2 ซึ่งเป็นไปตามกฎเกณฑ์การเก็บภาษี​ OECD ซึ่งไม่ได้เกี่ยวกับการเก็บภาษีในไทย​ ดังนั้น​ ไม่ดีเลย​ ลูกผู้ชายมาด้วยกันก็ไปด้วยกัน จึงอยากฝากทุกพรรคทำงานร่วมกันง่ายมากคือการตรงไปตรงมา”นายทักษิณ กล่าว

นายทักษิณ​ กล่าวอีกว่า วันนี้ตนไม่ได้ครอบงำ​ แต่ตนมากกว่าที่ถูกลูกสาวครอบงำ ใครมีครอบครัวจะรู้ว่าพ่อกับลูกสาวคนเล็กเขาแพ้ทางกัน ตนถูกใช้​ ให้พ่อไปทำนั่นนี่ให้หน่อย เงินเดือนเดือนละ 700 ต้องหารำไพ่เป็นผู้ช่วยหาเสียง ได้วันละ 300 กว่าบาท แต่ช่วงนี้งานชุกอาจได้หลายตังค์ ก่อนจะถามว่า​ ศรีสะเกษ​ ก็เตรียมจ้างตนได้นะ เชียงใหม่​ มีตังค์หรือเปล่า เมื่อถึงหน้า​ อบจ.ทีก็จะรวยหน่อย  

ทั้งนี้​ ในช่วงท้าย​ สส.ศรีสะเกษ​ ได้ลุกขึ้นถามนายทักษิณ​ เรื่องราคาหอมแดง​ นายทักษิณ​ จึงพูดติดตลกว่า ถ้าจะให้ราคาหอมแดงขึ้น​ เดี๋ยวส่งรัฐมนตรีแดงไป​ และจะไปทวงราคาหอมแดงให้และ​ทวงเก้าอี้นายก​ อบจ.ศรีสะเกษให้ด้วย

จากนั้น​ นายก่อแก้ว​ พิกุลทอง​ สส.พรรคเพื่อไทย​ ได้ถามว่าที่พูดว่าเมีย 3 ลูก 5 ใช่เพื่อนเก่าตนหรือไม่​ นายทักษิณ​ จึงบอกว่า​ ให้ถามคนข้างๆนายก่อแก้ว ซึ่งขณะนั้น นายณัฐวุฒิ​ ใสยเกื้อ​ นั่งอยู่ข้างๆ​

ก่อนจบการสัมมนา​ นายทักษิณ​ กล่าวว่า​ ทุกคนในพรรครัฐบาลหรือพรรคเพื่อไทย​ ไม่ค่อยตอบข้อสงสัย เวลาถูกกล่าวหา วันนี้เราก็อยากจะขอให้พวกเราช่วยกัน ตอบอย่างเป็นระบบทั้งในสภาและนอกสภา​ ต้องมีการตอบและอธิบายโดยเฉพาะรัฐมนตรี และอันหนึ่งที่ตนอยากแนะนำหัวหน้าพรรค​ คืออยากให้ในพรรค แบ่งกลุ่มความสนใจ​ใครสนใจกระทรวงไหน ก็ศึกษาเรื่องราวของกระทรวงนั้นๆ และเวลามีเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงไหน กลุ่มนี้ก็ควรจะตอบ ต้องฝึกงานไว้อีกหน่อยได้เป็นรัฐมนตรี ถ้าไม่ฝึกไว้ตอนนี้ อีกหลายรัฐธรรมนูญก็จะทำอะไรไม่เป็น ดูสิไม่มีใคร อาสาเป็นรัฐมนตรีคมนาคมเลยต้องเป็นนายสุริยะ

หลังเสร็จสิ้นการสัมมนา​ ผู้สื่อข่าวได้ตามไปถามนายทักษิณ​ เรื่องของ​ พ.ร.ก.ที่​ ครม.แล้ว​พรรคร่วมแอบหนีออกไป คือ​ พรรคการเมืองใด​ แต่นายทักษิณ​ ไม่ตอบ แต่ได้อธิบายเพิ่มเติมว่า บางพรรคการเมืองกลัวเรื่องภาษี แต่ยืนยันว่าไม่ใช่เรื่องภาษีในประเทศ แต่เป็นภาษีต่างประเทศ ซึ่งคนไม่รู้ พอพูดว่าเป็นภาษีก็รีบชิ่งหนี​  ผู้สื่อข่าวจึงถามย้ำว่าเป็นพรรคการเมืองใด​ นายทักษิณ​ ไม่ตอบ ได้แต่ยิ้ม​ เมื่อถามว่าคิดอย่างไร​ เมื่อพรรคเพื่อไทยคิดและพรรคร่วมสกัด​ นานทักษิณ​ กล่าวว่า​ “มันเป็นงานรูทีนแล้ว​ เขาขี้กลัว ไม่มีอะไรหรอก”.