นายแอนดี้ ชิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มิสเตอร์ ดี.ไอ.วาย.โฮลดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การที่สหรัฐเริ่มปรับขึ้นกำแพงภาษีจากจีน ซึ่งมีโอกาสที่สินค้าจีนจะเข้ามาในไทยมากขึ้นนั้น มองว่าเป็นโอกาสที่จีนจะเข้ามาตั้งโรงงานในไทยมากขึ้น และส่งผลดีในด้านการซื้อวัตถุดิบการผลิตสินค้าต่างๆ และการที่สินค้าจีนจะเข้ามาทำตลาดในไทยได้นั้น ต้องมีเรื่องข้อกฎหมายขอใบอนุญาตก่อน จึงต้องใช้เวลาพอสมควร ขณะที่มิสเตอร์ ดี.ไอ.วาย. มีการนำเข้ามาถูกกฎหมาย และเป็นสินค้าที่ราคาถูกกว่าสินค้าปกติ 25% อยู่แล้ว จึงคิดว่าไม่ได้รับผลกระทบ
ขณะที่แผนงานบริษัทปี 68 เตรียมใช้เงินลงทุนประมาณ 2,100 ล้านบาท ขยายสาขาใหม่อีก 200 สาขา โดยเน้นทำเลสแตนด์อะโลนเนื่องจากลูกค้าสะดวกและเข้าถึงง่าย ส่งผลให้สิ้นปี 68 มีทั้งหมด 1,100 สาขา ครบทั้ง 77 จังหวัด จากปัจจุบันมี 3 จังหวัดที่ยังไม่เข้าไปเปิด ได้แก่ แม่ฮ่องสอน พังงา และยะลา ซึ่งคาดว่าเริ่มเปิดให้บริการช่วงไตรมาส 1 ปี 68 จากปัจจุบันมี 900 สาขา ใน 74 จังหวัด และปิดสิ้นปีนี้คาดว่าจะมีทั้งหมด 920 สาขา

“ประเทศไทยเป็นประเทศที่สำคัญของบริษัท และจากนี้ยังคงมั่นใจในศักยภาพไทยทั้งในเรื่องเศรษฐกิจปีหน้าที่เริ่มดีขึ้น รวมทั้งการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวที่ส่งผลดีต่อผู้ประกอบการ ร้านค้าต่างๆ ทำให้ยังลงทุนอย่างต่อเนื่อง หลังจากเมื่อ 8 ปีที่แล้ว เริ่มออกจากประเทศมาเลเซีย มาทำตลาดในไทยเป็นประเทศแรก และมีการเติบโตอย่างรวดเร็วจากจำนวนประชากรที่มีมากกว่ามาเลเซีย 1 เท่าตัว และปัจจุบันขยายไปแล้วทั้งหมด 13 ประเทศ รวม 4,000 สาขา ส่วนใหญ่อยู่ในอาเซียน ยกเว้นเมียนมา และ สปป.ลาว โดยไทยมีสาขามากที่สุดรองจากมาเลเซีย ที่มี 1,400 สาขา“
ขณะเดียวกันมีแผนเปิดสาขามิสเตอร์.ดี.ไอ.วาย รูปแบบใหม่คล้ายแฟลกชิปสโตร์ที่เรียกว่า เอโลเคชั่น หรือศูนย์การค้าชั้นนำ ซึ่งออกแบบให้สามารถเพลิดเพลินกับการช้อป ทางเดินกว้างจากการเพิ่มพื้นที่ส่วนกลาง มีจุดชำระเงินได้ด้วยตนเองจากสินค้ากว่า 15,000 รายการ โดยล่าสุดเปิดที่ศูนย์การค้าซีคอนสแควร์แล้ว