นายใหญ่..พรรคเพื่อไทยทำเอาตื่นเต้นกันใหญ่ เพราะออกมาตำหนิพรรคร่วมรัฐบาลบางพรรค ในการสัมมนาของพรรคเพื่อไทย “อดีตนายกฯ แม้ว” ทักษิณ ชินวัตร กล่าวถึงการที่รัฐมนตรีบางคนลาป่วย ไม่เข้าประชุมพิจารณา ร่าง พ.ร.ก.ภาษีส่วนเพิ่ม พ.ศ. …. ของกระทรวงการคลัง และ ร่าง พ.ร.ก. การแก้ไข พ.ร.บ.การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศสำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. ของคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน : BOI เพื่อให้สอดคล้องกับเกณฑ์ขององค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ : OECD

เป็นการตำหนิที่แรงอยู่เพราะถึงขั้นบอกว่า “ถ้าไม่ร่วมหัวจมท้ายไปด้วยกัน ก็ลาออกจากพรรคร่วมรัฐบาลไป” เล่นเอาเช็กชื่อกันใหญ่ว่า รัฐมนตรีจากพรรคไหนลาบ้าง จนได้ความว่า ถ้าเป็นระดับหัวหน้าพรรค มี “เสี่ยหนู”นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และ “หัวหน้าตุ๋ย” นายพีระพันธ์ุ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯ และ รมว.พลังงาน หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ( รทสช.)

เรื่องนี้ “บิ๊กอ้วน” ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ว่า ไม่ทราบว่า นายทักษิณเตือนหรือไม่เตือน เพราะไม่ได้มีบทบาทหน้าที่เกี่ยวข้องกับ ครม. แต่เราก็รับฟังว่าเป็นอย่างไร ถือเป็นความเห็นของผู้มีอาวุโสทางการเมืองที่จะเห็นว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเหมาะสมหรือไม่ ก็วิพากษ์วิจารณ์มา เพราะนายทักษิณเป็นบุคคลที่ติดตามการเมือง

“ผมไม่มั่นใจว่าเป็นพรรคภูมิใจไทยหรือไม่ เพราะวันนั้นมี ครม. ติดภารกิจหลายคน แต่ต่อมา ก็เห็นนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย เข้ามาประชุม จึงไม่แน่ใจว่าเรื่องอะไร เพิ่งมาเอะใจก็ตอนที่ได้ฟัง แต่คิดว่าไม่มีอะไร เพราะเห็นนายอนุทินมานั่งประชุมตามปกติ” อนึ่ง วันที่ 11 ธ.ค. “เสี่ยหนู” แจ้งลาประชุมไว้ แต่กลับมาตอนท้าย ในช่วงที่ ครม. ใกล้จะประชุมเสร็จแล้ว

เมื่อถามย้ำว่า นายทักษิณระบุด้วยว่ามีการแกล้งป่วย และวันนั้นนายอนุทินได้ลาไปพบแพทย์พอดี จะหมายความถึงนายอนุทินหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า “น่าจะถามผิดคนนะ คงต้องไปถามท่านทักษิณว่ามีความเห็นอย่างไร ผมยังไม่ทราบรายละเอียด พรรคภูมิใจไทยกับเพื่อไทย ยังไปต่อกันได้ ไม่มีปัญหา”

“เสี่ยหนู” อนุทิน หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวผ่านรายการข่าวเที่ยงทางไทยพีบีเอส ถึงคำพูดเกี่ยวกับพรรคร่วมรัฐบาลของนายทักษิณว่า ไม่น่าจะหมายถึงตนเองหรือพรรคภูมิใจไทย เนื่องจากในวันดังกล่าว ตนได้เข้าพบแพทย์ตามนัดเพื่อติดตามอาการ และไม่ทราบว่ามีการเลื่อนการประชุม ครม. เป็นวันพุธที่ 11 ธ.ค. เพราะปกติ ครม. จะประชุมทุกวันอังคาร ระหว่างพบแพทย์ “หมอมิ้งค์” นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้โทรศัพท์เพื่อตามให้เข้าประชุมเนื่องจากมีการพิจารณากฎหมายสำคัญ หลังตรวจเสร็จก็รีบเข้าประชุม ครม. ทันที อีกทั้งรัฐมนตรีหลายคนของพรรคก็เข้าร่วมประชุมในวันนั้น เว้นแต่ผู้ที่ติดภารกิจราชการ จึงไม่อยากให้เชื่อมโยงมาถึงพรรคภูมิใจไทย

ผู้สื่อข่าวจึงถามว่า การที่นายทักษิณพูดในลักษณะนี้ ถือเป็นการส่งสัญญาณถึงพรรคภูมิใจไทยหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า พรรคภูมิใจไทยรับสัญญาณจาก น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ซึ่งเป็นหัวหน้ารัฐบาล นายทักษิณพูดถึงพรรคที่ไม่เข้าร่วมประชุม ตนก็ไม่นำพาไปฟังอะไรมาก เพราะไปร่วมประชุม และพรรคร่วมรัฐบาลไม่เคยมีปัญหากัน

เมื่อวันที่ 13 ธ.ค. มีรายชื่อรัฐมนตรีไม่เข้าประชุม 7 คน แต่ล่าสุด กลับมีรายงานข่าวเพิ่มเติมว่า “เสี่ยต่อ” เฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และ “นายกชาย” เดชอิศม์ ขาวทอง รมช.สาธารณสุข เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ได้เข้าประชุม กรณีของนายเดชอิศม์นั้น มีภารกิจเป็นประธานเปิดงานประชุมวิชาการระดับชาติด้านหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ครั้งที่ 2 พ.ศ. 2567 ที่โรงแรมนิกโก้

ส่วนนายเฉลิมชัย ให้สัมภาษณ์ว่า ตนลาประชุม ครม. วันที่ 11 ธ.ค. เพราะมีอาการความดันโลหิตสูงมาก ถึงขั้นลุกไม่ขึ้น ทำให้ต้องพักอยู่ที่บ้าน จึงแจ้งลาอย่างเป็นทางการว่าขอลาป่วย แจ้งทุกช่อง ทุกคนในที่ประชุม ครม. รับทราบ แต่เช้าวันที่ 12 ธ.ค. มีอาการดีขึ้น จึงไปฟังแถลงผลงานของนายกฯ ด้วย ขอยืนยันได้เลย นายทักษิณไม่ได้พูดถึงตนแน่นอน เชื่อว่าทุกคนใน ครม. รู้อยู่แล้วว่าใครมีพฤติกรรมเป็นอย่างไร และแต่ละคนย่อมรู้อยู่แก่ใจว่าตัวเองทำอะไรไว้

ขณะที่ นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) กล่าวถึงท่าทีของนายทักษิณว่า ปรากฏการณ์นี้สะท้อนให้เห็นความไม่เป็นเอกภาพภายในพรรคร่วมรัฐบาล ที่นักวิเคราะห์ สื่อ รวมถึงนักการเมืองฝ่ายค้านไม่ได้จินตนาการไปเอง นายทักษิณพูดนั้นมันเป็นการยืนยันอย่างเป็นทางการว่า ความสัมพันธ์พรรครัฐบาลอยู่ในขั้นเปราะบาง อะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้ และเห็นได้ถึงวุฒิภาวะของนายกฯ ว่าไม่เพียงพอจะจัดการปัญหาเอง

ผู้สื่อข่าวถามว่าจะเอาเรื่องภาวะความเป็นผู้นำของนายกฯ อิ๊งค์ ไปอภิปรายไม่ไว้วางใจหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ยังตอบไม่ได้ เพราะพรรค ปชน. ยังไม่มีกระบวนการไปถึงขั้นเลือกประเด็นอภิปราย เดิมเราลับมีดรอซักฟอกนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกฯ แต่ก็พ้นจากตำแหน่งไปก่อน จึงต้องทบทวนใหม่ ดูในส่วนต่อเนื่องของรัฐบาลเพื่อไทย ระหว่างนายกฯ 2 คน แต่ต้องเอาข้อกล่าวหา และต้องโยงให้สังคมเห็นว่า เป็นความผิดของ น.ส.แพทองธาร อย่างไร ช่วงเวลาที่ผ่านมา เราได้เห็นความผิดพลาดของการบริหารบ้านเมืองมากมาย

ข้างฝ่ายอดีต กกต. “สมชัย ศรีสุทธิยากร” โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ว่า “นายทักษิณ มาในฐานะวิทยากร ให้ความรู้ดีเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของโลกที่คนไทยและผู้บริหารประเทศต้องตามให้ทัน มาขยายในส่วนที่ลูกสาวนำเสนอในโอกาสครบ 90 วันทำงานแล้วยังสั้นไป หรือไม่ชัดเจน หรือพูดแล้วไม่รู้เรื่องให้ชัดเจนขึ้น เรื่องความรู้ให้คะแนน 9.5 เต็ม 10 วิทยากรทักษิณพูดราวเป็นหัวหน้าพรรค ตำหนิพรรคร่วมรัฐบาลที่เดินออกจากที่ประชุม ครม. ในวาระที่เพื่อไทยเสนอกฎหมายสำคัญ พร้อมท้าทายว่า ให้ลาออกไปหากมีพฤติกรรมแบบนี้

มีการข่มขู่ผู้ร้องศาลกรณีชั้น 14 ว่าจะฟ้องกลับ และกระแนะกระแหนใครไม่รู้ที่เคลื่อนไหวต่อต้านเขาว่า เอาเงินมาจากไหนเลี้ยงภรรยา 3 ลูก 5 คน ในส่วนทัศนคติ มารยาททางการเมือง และการรู้ขอบเขตหน้าที่ตนเองที่เหมาะสม ให้ 0 เต็ม 10 ส่วนที่มีใครพาครอบครัวยกโขยงไปร่วมสัมมนา คาดว่า คงใช้เงินส่วนตัวสมทบ ไม่เป็นการเบียดบังงบประมาณที่ กกต.จัดสรรให้ มิเช่นนั้นอาจถูกร้องว่า ใช้งบผิดวัตถุประสงค์ ไปไกลถึงยุบพรรคได้”

สิ่งที่นายสมชัยพูดไม่ทราบว่าจะไปเข้าปาก “นักร้อง” คนไหนหรือไม่ แต่ที่น่าสนใจกว่า คือ ความสัมพันธ์ของพรรคร่วมรัฐบาลหลังจากนี้ จะถูกจับตามองยิ่งยวด โดยเฉพาะที่มีเสียงครหามากขึ้นว่า “ภูมิใจไทยขี่คอเพื่อไทย” ก็คงจะเห็นอะไรได้มากขึ้นในสนามนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด ที่ว่ากันว่า “พื้นที่ชนช้าง” คือศรีสะเกษ พรรคเพื่อไทยต้องชนะบ้านใหญ่ไตรสรณกุล และเชียงราย ที่พรรคเพื่อไทยต้องชนะตระกูลวันไชยธนวงศ์ ที่ว่ากันว่ามาอยู่ใต้ชายคาภูมิใจไทย

สำหรับการสัมมนาพรรคเพื่อไทยที่หัวหิน เสริมศักยภาพ สส. และบุคลากรทางการเมือง “บอย” สรวงศ์ เทียนทอง รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ในฐานะเลขาธิการพรรคพรรคเพื่อไทย กล่าวปิดการสัมมนาแทนนายกฯ ที่มีภารกิจที่กรุงเทพ ซึ่งหลักใหญ่ใจความคือ ปีหน้าเพื่อไทยจะสร้างแบรนด์ใหม่ “โอกาสเพื่อไทย” ซึ่งมาจาก “โอกาสเพื่อคนไทย” ที่ สส. ต้องหยิบยื่นให้ประชาชน อย่างน้อยที่สุดให้เขามีโอกาสได้แสดงถึงศักยภาพตัวตนของเขา

“นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ บอกว่าเราจะกลับมายิ่งใหญ่ ผมมั่นใจเพราะเรามีจุดแข็งของเราคือประชาชน ไม่มีใครจะทำงานเหมือนพรรคเพื่อไทยแน่นอน ที่จะทำงานติดดินกับประชาชน เราอยู่ด้วยกันแบบครอบครัวเพื่อไทย เมื่อหัวหน้าครอบครัวมาเป็นหัวหน้าพรรค และเป็นนายกฯ ก็ต้องการให้เป็นแบบครอบครัวจริงๆ อยากให้พวกเรามั่นคงกับสิ่งที่เป็นอุดมการณ์ทางการเมืองของพวกเราไว้ มั่นใจว่าพรรคเพื่อไทยต้องกลับมาเป็นพรรคอันดับหนึ่งของประเทศ จริงใจ และอยู่ในใจประชาชนต่อไป” นายสรวงศ์ กล่าว

สำหรับภารกิจของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ในวันที่ 15-16 ธ.ค. นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกฯ พูดผ่านรายการ “เสียงจากใจไทยคู่ฟ้า” ว่า นายกฯ จะเข้าร่วมการประชุมหารือประจำปี (Annual Consultation) ครั้งที่ 7 ณ เมืองเมืองปูตราจายา มาเลเซีย ในวันที่ 16 ธ.ค. นี้ ในเรื่องการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ การค้าขายทางชายแดน มีเรื่องสำคัญคือข้อตกลงขุดลอกสันดอนปากแม่น้ำโก-ลก ซึ่งเป็นมาตรการที่จะลดความเสี่ยงเรื่องน้ำท่วม พูดเรื่องความร่วมมือด้านการศึกษาของทั้งสองประเทศให้มีความใกล้ชิด โดยเฉพาะนักเรียนในพื้นที่ชายแดนไทย-มาเลเซีย ที่ตกลงจะแสวงหา ความร่วมมือทางการศึกษาทางเทคนิค และอาชีวศึกษา

“และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์ในประเทศเมียนมา โดยเน้นย้ำถึงการหาทางออกด้วยสันติวิธีและยั่งยืนต่อสถานการณ์ในเมียนมา เพื่อความเป็นอยู่ของประชาชนเมียนมา ซึ่งเป็นแนวทางของอาเซียน”