นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รมว.อุตสาหกรรม กล่าวถึงความคืบหน้าข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี ให้หาพื้นที่ใหม่ๆ สำหรับรองรับการลงทุนด้านอุตสาหกรรม ว่าในเรื่องนี้มองเป็นโอกาสสำคัญของอุตสาหกรรมไทย ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วของโลก จังหวะนี้เป็นจังหวะที่ดีในการฟื้นฟูภาคอุตสาหกรรม เพื่อดันผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ หรือจีดีพี ให้โตอย่างน้อย 1% ให้ได้ ซึ่งเป็นนโยบายหลักที่ตนได้มอบให้กับกระทรวง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต้องทำงานควบคู่กันกับกระทรวงการคลัง กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์และนวัตกรรม สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือบีโอไอ และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรืออีอีซี
“ที่ดินนั้นเรามี แต่ต้องหาที่ที่เหมาะสม ซึ่งเรามีข้อจำกัดเรื่องผังเมือง และขั้นตอนในการออกใบอนุญาตในการประกอบการในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม และโรงงานที่อยู่นอกนิคมอุตสาหกรรมด้วย ซึ่งตนได้จัดการเรื่องนี้เมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมา ระหว่างกระทรวงอุตสาหกรรมและการนิคมฯ ซึ่งทำทุกอย่างให้เร็วขึ้นในกระบวนการขออนุญาต โดยให้การนิคมฯ รับเป็น วันสต็อปเซอร์วิส เป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างราชการและกระทรวงทั้งหมด เพื่อเป็นการลดขั้นตอนลงมา” นายเอกนัฏ กล่าว
ส่วนปัญหาเรื่องที่ดิน การนิคมจะร่างผังเมืองของการนิคมขึ้นมาเอง เพื่อต่อรองกับกระทรวงมหาดไทย และอีอีซี เพื่อให้มีพื้นที่สำหรับการขยายตัวของกลุ่มผู้ประกอบการอย่างเหมาะสม เพราะนี่ถือเป็นโอกาสสำคัญของประเทศ ถ้าไม่รีบทำ 1-2 ปี โอกาสเหล่านี้จะหายไป แต่หากดึงเข้ามาได้ในเวลานี้ ก็จะเป็นประโยชน์ของประเทศ และสามารถดันจีดีพี โดยที่ไม่ต้องใช้งบประมาณของประเทศแม้แต่บาทเดียว แต่ใช้เงินของบริษัทต่างชาติเข้ามาลงทุนในประเทศไทย และมีการผูกเงื่อนไขเพื่อที่จะส่งต่อผลประโยชน์เหล่านี้ มาถึงคนไทยและธุรกิจของคนไทย ซึ่งจะเร่งขับเคลื่อนเรื่องนี้เป็นสำคัญ