เมื่อเวลา 09.45 น. วันที่ 18 ธ.ค. 2567 ที่รัฐสภา นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะโฆษกพรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การออกเสียงประชามติ ของคณะ กมธ.ร่วมเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.การออกเสียงประชามติ ว่า สิ่งที่จะต้องพิจารณากันในวันนี้ คือการเห็นด้วยกับร่าง พ.ร.บ.ของกรรมาธิการร่วม ซึ่งเป็นร่างเดียวกันที่ถูกแก้ไขโดย สว. ที่เสนอเกณฑ์เสียงข้างมาก 2 ชั้น หรือปฏิเสธร่างดังกล่าวเพื่อรอเวลาอีก 180 วัน และยืนตามร่างเดิมของ สส. ที่เสนอให้ใช้เสียงข้างมาก 1 ชั้น ตนเข้าใจว่าเสียงของ สส.ส่วนใหญ่น่าจะเห็นชอบกับทางเลือกที่ 2 ซึ่งส่งผลกระทบต่อกรอบเวลาต่อการทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
นายพริษฐ์ กล่าวอีกว่า โจทย์ที่สำคัญ คือ ทำอย่างไรให้กรอบเวลาไม่กระทบต่อความเป็นไปได้ในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ทันต่อการเลือกตั้ง ซึ่งเป็นหมุดหมายสำคัญที่ทางรัฐบาลได้สัญญาไว้ต่อประชาชน ทางออกที่ตนเสนอคือการลดจำนวนครั้งในการทำประชาชมติจาก 3 เหลือ 2 ครั้ง เพื่อให้กรอบเวลาลดลง ในช่วงเวลา 180 วัน ที่รอร่าง พ.ร.บ.ประชามติ กลับมาพิจารณาอีกครั้ง สามารถพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวข้องกับสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ผ่าน 3 วาระของรัฐสภาคู่ขนานกัน
นายพริษฐ์ กล่าวต่อว่า การผลักดันให้สำเร็จต้องผ่าน 2 ด่านคือ ด่านที่ 1 ทำอย่างไรให้นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภา บรรจุร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวข้องกับสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ที่ทางพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทย เคยยื่นไปตั้งแต่ต้นปี 2567 และประธานสภาไม่บรรจุ ครั้งนี้ทางพรรคประชาชนจะยื่นร่างดังกล่าวเข้าสู่สภาในวันที่ 12 ธ.ค. 2567 ที่ผ่านมา หากทางคณะกรรมการได้เห็นถึงคำวินิจฉัยรายบุคคลหวังว่าการวินิจฉัยจะออกไปในทิศทางที่มองว่าการทำประชาชมติ 2 ครั้งเพียงพอ ซึ่งทางประธานสภาได้นัดหารือในเรื่องดังกล่าววันที่ 23 ธ.ค. 2567 เวลา 10.00 น.
นายพริษฐ์ กล่าวต่อว่า ด้านที่ 2 ถึงแม้ประธานสภาจะบรรจุแล้วสามารถเปิดประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อพิจารณา โจทย์ต่อไปคือจะต้องทำอย่างไรให้รัฐสภาเห็นชอบด้วย จึงต้องไปดูรอยร้าวของทั้ง 2 รัฐสภาว่าเป็นรอยเดียวกันกับรอยร้าวของพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ บุคคลที่จะยุติรอยร้าวคือ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นสิ่งที่เราคาดหวังให้ นายกฯ แสดงบทบาทความเป็นผู้นำ รวมทั้งแสดงความจริงใจในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ไม่มีอะไรรับประกันว่าเราจะสำเร็จผ่าน 2 ด่านนี้ แต่ตนเชื่อว่ายิ่งคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้ความร่วมมือในการพยายามฝ่าฟันเท่าไหร่ โอกาสสำเร็จก็จะมีมากขึ้นเท่านั้น ทางที่ดีควรเสนอร่างในลักษณะเดียวกันเข้ามาประกบกับร่างของพรรคประชาชน
ส่วนที่ทางรัฐบาลระบุว่าการทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะไม่ทันในรัฐบาลสมัยนี้ แต่จะตั้ง ส.ส.ร. ให้ได้ นายพริษฐ์ กล่าวว่า ไม่อยากให้รัฐบาลยอมแพ้และปรับลดเป้าหมายเร็วเกินไป ยังมีความเป็นไปได้ที่จะทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดย ส.ส.ร. จะเสร็จทันการเลือกตั้งครั้งต่อไป หากสามารถลดจำนวนการทำประชามติสำเร็จ ยิ่งรัฐบาลร่วมมือกับเราเท่าไหร่ โอกาสที่จะสำเร็จจะมากขึ้นเท่านั้น ไม่อยากให้รัฐบาลเร่งปรับลดเป้าหมาย เพราะทุกครั้งที่รัฐบาลสัญญาอะไรไว้ต่อประชาชน หากไม่สามารถรักษาได้ ท้ายที่สุดประชาชนจะแสดงออกผ่านการเลือกตั้งครั้งถัดไป.