เมื่อวันที่ 18 ธ.ค. ที่รัฐสภา นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะโฆษกพรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่พรรคร่วมฝ่ายค้าน นัดรับประทานข้าวเย็นที่ร้านเอิกเกริกในวันนี้ จะมีเรื่องพูดคุยใดบ้าง ว่า ความจริงการทำงานในซีกฝ่ายค้าน อาจจะมีความแตกต่างกับความทำงานของซีกรัฐบาล เพราะพรรครัฐบาล คือพรรคที่ตัดสินใจร่วมกัน ดังนั้นความคาดหวังเรื่องเอกภาพ ความสอดคล้องของนโยบายจะมีค่อนข้างสูง แต่ทางฝั่งซีกฝ่ายค้าน ไม่ได้เป็นการตัดสินใจที่จะมาร่วมฝ่ายค้าน อยู่คือบรรดาพรรคการเมืองที่เหลืออยู่ในสภาที่ไม่ได้เป็นรัฐบาล ดังนั้น ไม่ได้มีความคาดหวังว่าแต่ละพรรคจะมีจุดยืนต่อร่างกฎหมาย แนวทางนโยบาย และการทำงานที่เหมือนกัน

นายพริษฐ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมา การทำงานร่วมกันจำกัดอยู่แค่งานธุรการ โดยเฉพาะเรื่องของการแบ่งสัดส่วนของเวลาในการอภิปราย ดังนั้นวันนี้จะเป็นการหารืออย่างไม่เป็นทางการในงานธุรการดังกล่าว และเราในฐานะแกนนำฝ่ายค้าน จะอาศัยโอกาสนี้ให้พรรคฝ่ายค้านอื่น ๆ ทราบถึงความประสงค์ ในการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจตามรัฐธรรมนูญมาตรา 151 

นายพริษฐ์ กล่าวว่า ตนยืนยันว่าพรรคประชาชนเดินหน้าเต็มที่ ในฐานะฝ่ายค้าน และฝ่ายค้าน ก็ต้องทำ 2 บทบาทอย่างเข้มข้นคู่ขนานกัน คือการตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล ซึ่งที่ผ่านมาตนเห็นว่ามีกรรมาธิการมีความพยายามจะตรวจสอบนโยบายสำคัญของรัฐบาล รวมถึงการใช้กลไกกระทู้ถามสด นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี ในทุกสัปดาห์ แม้ว่าบางสัปดาห์จะมาบ้างไม่มาบ้าง อย่างไรก็ตาม เราตั้งใจจะเปิดอภิปรายรัฐบาล ในสมัยประชุมนี้ ยืนยันว่าจะความเข้มข้นเหมือนเดิม ส่วนอีกบทบาทคือการเสนอร่างกฎหมาย เราเสนอไปแล้วกว่า 80 ฉบับ ซึ่งการเสนอร่างกฎหมายไม่ใช่เป็นการเสนอแก้ไขในแต่ละประเด็นเพียงอย่างเดียว แต่เรามองว่า เป็นกลไกที่ทำให้ฝ่ายค้านสามารถกำหนดวาระของสังคมได้ นั่นคือหากมีประเด็นอะไรที่รัฐบาลยังไม่ได้พูดถึง เราก็เสนอกฎหมายเข้าไป และยื่นข้อเสนอของเราอย่างเป็นลายลักษณ์อักษร เป็นการดึงให้รัฐบาลต้องมาคุยเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าว

นายพริษฐ์ กล่าวว่า แม้กระทั่งเรื่องพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม ที่เป็นประเด็นเมื่อสัปดาห์ก่อน ตนเชื่อว่าส่วนหนึ่งที่พรรคเพื่อไทยยื่นร่างประกบที่ถึงแม้จะถอนออกไป ก็มาจากที่พรรคก้าวไกลเคยยื่นเข้าไปเมื่อเดือนกรกฎาคม 2566 เมื่อเข้าสู่วาระ 1 คณะรัฐมนตรี (ครม.) ดึงไปศึกษา 60 วัน จึงอาจจะทำให้พรรคการเมืองอื่นเห็นถึงความจำเป็นในการยื่นร่างประกบด้วยเช่นกัน ซึ่งเป็นตัวอย่างว่า เมื่อเรายื่นร่างกฎหมายเรื่องอะไร เหมือนเป็นการกระตุกให้รัฐบาลมาคิดเรื่องนั้น แม้คำตอบของรัฐบาลอาจจะไม่ตรงกับแกนนำของพรรคฝ่ายค้าน ตนจึงคิดว่า เป็นบทบาทสำคัญที่ฝ่ายค้านสามารถทำได้เพื่อประโยชน์ของประชาชน 

เมื่อถามว่าพรรคไทยสร้างไทย ยืนยันจำนวน สส. กับพรรคฝ่ายค้าน กี่คน นายพริษฐ์ กล่าวว่า ตนคิดว่าต้องถามกับพรรคไทยสร้างไทย น่าจะดีกว่า แต่เข้าใจว่าที่ผ่านมามีการลงมติในบางครั้ง ที่ไม่มีความเอกภาพ ย้ำว่าขอให้ถามกับพรรคไทยสร้างไทยจะดีกว่า 

เมื่อถามถึงกรณีที่การอภิปรายไม่ไว้วางใจตามรัฐธรรมนูญมาตรา 151 ได้มีการประเมินเสียงของ สส. ของฝ่ายค้าน แล้วหรือไม่ว่า นายพริษฐ์ กล่าวว่า พรรคประชาชนมี สส. 140 คน ตนคิดว่าแค่นี้ก็เพียงพอแล้ว ในการเปิดอภิปรายทั่วไปและใช้กลไกต่างๆ ของสภาเพื่อตรวจสอบรัฐบาลได้ และคิดว่าเรื่องของจำนวนไม่เป็นปัญหา ในฐานะที่เป็นพรรคการเมืองที่ใหญ่ที่สุดในสภาผู้แทนราษฎร มี สส. เกิน 140 คน ย้ำว่าเพียงพอแน่นอน.