นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า จากกรณีที่สหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย ที่จะจัดกิจกรรมแสดงออกเชิงสัญลักษณ์พลังของคนรถบรรทุก (Truck Power) ซีซั่น 2 โดยจะรวมตัวของรถบรรทุกประมาณ 1,000 คัน บนเส้นทางต่าง ๆ และจะงดให้บริการขนส่งสินค้าลง 20% ของจำนวนรถที่ให้บริการในปัจจุบันทุกพื้นที่ทั่วประเทศในกรอบระยะเวลาหนึ่ง ในช่วงเดือน พ.ย.64 เพื่อแสดงถึงข้อเรียกร้องในประเด็นราคาน้ำมันดีเซลในภาคการขนส่งสินค้าปรับเพิ่มขึ้นนั้น ตนมีความห่วงใยต่อข้อเรียกร้องดังกล่าว และมีความเข้าใจถึงผลกระทบของผู้ประกอบการขนส่งสินค้าที่ได้รับผลกระทบตั้งแต่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (COVID-19) หรือโควิด 

รวมถึงราคาน้ำมันซึ่งเป็นต้นทุนสำคัญของผู้ประกอบการขนส่งสินค้า โดยในช่วงสถานการณ์โควิด-19 และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้กระทรวงพลังงาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งพิจารณามาตรการ เพื่อลดผลกระทบในเรื่องดังกล่าวไปด้วยแล้ว และเพื่อเป็นการเตรียมการลดผลกระทบหากมีการดำเนินกิจกรรมของสหพันธ์ฯ จึงได้มอบหมายให้ กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) และการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) พิจารณาแนวทางในการลดผลกระทบ และเร่งสร้างความมั่นใจให้แก่ประชาชนว่าจะคงได้รับการบริการขนส่งสินค้า และบริการ มิให้มีผลกระทบต่อภาคธุรกิจการขนส่ง การส่งออก และการขนส่งสินค้าในประเทศ    

ส่วนของ ขบ. ซึ่งมีหน้าที่ในการกำกับดูแลผู้ประกอบการขนส่งสินค้าและโลจิสติกส์ จะต้องเร่งทำความเข้าใจ และพิจารณาหาแนวทางในการลดผลกระทบ หากมีการดำเนินการในกิจกรรมของสหพันธ์ฯ และทำความเข้าใจกับผู้ประกอบการขนส่งทั้งที่เป็นสมาชิกของสหพันธ์ฯ และมิได้เป็นสมาชิก ซึ่งอาจเป็นผู้ประกอบการขนส่งส่วนบุคคล ให้คงอัตราส่วนในการขนส่งสินค้าและบริการให้สอดคล้องกับปริมาณความต้องการในการขนส่ง และติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด  

สำหรับจำนวนผู้ให้บริการขนส่งสินค้าทางถนนในระบบโลจิสติกส์ของประเทศในปัจจุบันมีประมาณ 389,165 ราย มีรถบรรทุกรวมทั้งสิ้น 1,048,675 คัน และกระทรวงคมนาคมยังได้มอบหมายให้ ขบ. ขอความร่วมมือไปยังผู้ประกอบการทั่วประเทศให้ยังคงให้บริการขนส่งสินค้าให้กับธุรกิจและประชาชนต่อไป นอกจากนี้ตนยังได้นำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อทบทวนมติ ครม. เมื่อปี 2502 ที่กำหนดเพียงให้ บขส. มีหน้าที่ในการขนส่งเฉพาะผู้โดยสาร และองค์การรับส่งพัสดุภัณฑ์ (รสพ.) ที่ได้มีการยุบเลิกไปแล้ว ทำหน้าที่ในการขนส่งสินค้า

โดยจะเปลี่ยนแปลงให้ บขส. สามารถดำเนินกิจการขนส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์ได้ทุกรูปแบบอย่างเต็มที่ จากที่ให้บริการเพียงการรับขนส่งสินค้าใต้ท้องรถโดยสารประจำทางเท่านั้น และในขณะนี้จะมอบหมายให้ บขส. ให้การดูแลประชาชน เพื่อรับบริการขนส่งสินค้าในสภาวการณ์ภายใต้ข้อเรียกร้องของสหพันธ์ฯ ดังกล่าว เพื่อมิให้ประชาชนได้รับผลกระทบต่อไป ส่วนการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) จะได้มอบหมายให้เร่งทำการขยายขีดความสามารถในการขนส่งสินค้าในระบบราง เพื่อช่วยต่อการสนองตอบความต้องการขนส่งสินค้า และพัสดุภัณฑ์ของประชาชนในระยะเวลาที่สหพันธ์ฯ มีข้อเรียกร้องเช่นเดียวกัน