เมื่อวันที่ 18 ธ.ค. ที่ร้านเอิกเกริก นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ก่อนการร่วมรับประทานอาหารกับพรรคร่วมฝ่ายค้าน ถึงหัวข้อการพูดคุยในวันนี้ ว่า หลักๆ จะมาหารือในเรื่องการจัดสรรเวลาในการอภิปรายต่างๆ ทั้งการอภิปรายไม่ไว้วางใจตามมาตรา 151 และอีกประเด็นหนึ่ง คือการหารือการทำงานของพรรคฝ่ายค้าน เช่น ในเวทีผู้นำฝ่ายค้านพบประชาชน ซึ่งก่อนหน้านี้ นายชัยธวัช ตุลาธน อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ซึ่งทำหน้าที่ผู้นำฝ่ายค้าน ได้มีการจัดเวทีผู้นำฝ่ายค้านพบประชาชนแล้ว จะพยายามสานต่อเวทีนี้ต่อไป

เมื่อถามว่าพรรคร่วมฝ่ายค้านยังมีจำนวนเท่าเดิมหรือไม่ ภายหลังพรรคไทยสร้างไทย เหมือนมีจุดยืนทางการเมืองร่วมกับฝั่งรัฐบาล นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ในส่วนของพรรคไทยสร้างไทยเป็นเรื่องภายในของแต่ละพรรค แต่ตัวเราเองยึดในหลักการ ซึ่งมีการส่งเทียบเชิญ และมีการส่งตัวแทนของพรรคมาร่วมรับประทานอาหารร่วมกัน ส่วนกระบวนการภายในของแต่ละพรรคเป็นอย่างไรนั้น พรรคประชาชนเอง ไม่สามารถก้าวก่ายเรื่องภายในของแต่ละพรรคได้

ส่วนข้อมูลการอภิปรายต้องมีการเอามาแชร์กันหรือไม่ ภายหลังบทบาทพรรคพลังประชารัฐที่ออกมาติดตามเรื่องนโยบายและการตรวจสอบรัฐบาล นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ปกติการทำงานของพรรคฝ่ายค้านใช้วิธีการจัดสรรโควตาในการอภิปราย ส่วนเนื้อหาในการอภิปรายอย่างไรนั้น ที่ผ่านมาในกระบวนการปกติ ไม่ได้แลกเปลี่ยนข้อมูลกัน เพราะแต่ละพรรคมีการทำโจทย์ และการทำการบ้านของตัวเองในการอภิปรายแล้ว ดังนั้น การหารือในการรับประทานร่วมกันในวันนี้ จะพูดคุยเรื่องการทำงานกับพรรคร่วม

เมื่อถามว่าจะมีการอภิปรายเรื่องนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีหรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า มีหลายเรื่องที่ตอนนี้เราได้รับข้อมูลมาจากหลายฝ่าย นอกจากที่มาสื่อสารเรื่องการพูดคุยของพรรคร่วมฝ่ายค้านแล้ว ตนเองอยากสื่อสารถึงประชาชน ข้าราชการที่ทำงานอยู่ในทุกส่วนราชการ ถ้ามีข้อมูลอะไรที่พบการทุจริตคอรัปชั่น หรือการดำเนินนโยบายของรัฐที่ไม่ถูกต้อง สามารถส่งข้อมูลมาที่พรรคประชาชน หรือพรรคร่วมฝ่ายค้านได้เลย

ส่วนจะมีข้อมูลใหม่หรือไม่ เพราะที่ผ่านมาคนผิดหวังกับการอภิปราย นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า  ไม่ผิดหวังแน่นอน อยากให้ติดตามที่นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ประธานวิปฝ่ายค้าน แถลงข่าวไปก่อนหน้านี้ และในช่วงไตรมาสแรกของปีหน้า จะมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจอย่างแน่นอน และเนื้อหาในการอภิปรายเข้มข้นอย่างแน่นอน

นายณัฐพงษ์ ยังกล่าวถึงการอภิปรายถึงภาวะผู้นำของนายกรัฐมนตรี ว่า ในประเด็นที่วันนี้เราหารือกัน ตนเองเชื่อว่ามีประเด็นที่เราเห็นว่าการทำงานของรัฐบาล ยังไม่ตอบโจทย์ หรือว่าหลายอย่างของสังคม ทั้งข้อสงสัย ซึ่งแน่นอนว่าทุกเรื่องอยู่ในญัตติเรื่องการอภิปรายไม่ไว้วางใจแน่นอน ส่วนภาวะผู้นำของนายกรัฐมนตรีนั้น เป็นสิ่งที่นายกรัฐมนตรีต้องทำให้เห็นว่าน.ส.แพรทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ไม่ใช่คนอื่น และเรื่องการลงพื้นที่การดูปัญหาต่าง ๆ ในพื้นที่ เป็นสิ่งที่นายกรัฐมนตรี ควรต้องทำ เพื่อให้เข้าใจถึงปัญหาอย่างแท้จริง ในที่สุดส่วนนี้เองมีความคิดเห็นว่าไม่ใช่ทุกปัญหาต้องลงไปดูด้วยตนเอง บางปัญหาถ้าติดภารกิจจำเป็น สามารถมอบให้ผู้อื่นดำเนินการแทนได้ แต่ใจความสำคัญคือ การกำกับดูแลอย่างมีประสิทธิภาพ

นายณัฐพงษ์ กล่าวต่อว่า อีกอย่างในฐานะนายกรัฐมนตรี คือความรับผิดชอบต่อสภาผู้แทนราษฎร ในการมาตอบกระทู้ถามสดในสภา คิดว่ามีความจำเป็นในเมื่อวันประชุมสภาล็อกอยู่แล้วว่าเป็นวันพฤหัสบดี เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะมาตอบฝ่ายนิติบัญญัติที่ทำหน้าที่ตรวจสอบถ่วงดุล ดังนั้น นายกรัฐมนตรี สามารถล็อกตารางล่วงหน้าได้ อยู่ที่การจัดลำดับความสำคัญของเรื่องนี้

เมื่อถามว่าจะไว้วางใจพรรคร่วมฝ่ายค้านอย่างไรโดยเฉพาะกับพรรคพลังประชารัฐ นายณัฐพงษ์  กล่าวว่า  เป็นเรื่องของความมืออาชีพของแต่ละพรรค ซึ่งพรรคร่วมฝ่ายค้าน ตนเองบอกไปแล้วว่าเราจัดสรรโควตา และกระบวนการผ่านวิปในการพูดคุยกัน เราจะมีการจัดสรรเวลาในการอภิปรายอย่างไร ส่วนประเด็นแต่ละประเด็นเป็นหน้าที่ของแต่ละพรรคที่จะไปจัดสรรโควตา และเตรียมมาอภิปรายอีก ยืนยันว่าจะไม่เป็นอุปสรรคต่อการทำงานของพรรคร่วมฝ่ายค้าน เพราะการเชิญรับประทานอาหารร่วมกัน เราก็เชิญทุกพรรค ไม่ได้มีการกีดกันอะไร

ส่วนกรณีที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ไม่ได้เดินทางมาด้วยตนเอง แต่ส่งตัวแทนมา มีนัยอะไรหรือไม่ ตนมองว่าเป็นเรื่องที่แต่ละท่านจะตัดสินใจด้วยตัวเอง และยืนยืนยันว่าตอนที่ส่งเทียบเชิญ เราส่งเทียบเชิญไปทุกพรรคด้วยหมายที่เท่ากัน อยู่ที่แต่ท่านจะตัดสินใจมาร่วมหรือไม่อย่างไร

เมื่อถามย้ำว่า ผิดหวังหรือไม่ที่พรรคพลังประชารัฐไม่ได้ส่งแกนนำของพรรคมาร่วม แต่ส่ง สส. มาแทน นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า สส. ก็มีสถานะเป็นผู้แทนราษฎรเช่นเดียวกัน ดังนั้นตนเองคิดว่าการตัดสินใจว่า จะส่งตัวตัวแทนภายในพรรคใครมาหรือไม่มา ก็เป็นเรื่องภายในของแต่ละพรรค ซึ่งวันนี้ตัวแทนที่มาร่วมของทุกพรรค เราจะพูดคุยกันในส่วนตัวเนื้อหาเป็นหลัก และเชื่อว่าตัวแทนที่แต่ละพรรคส่งมา สามารถประสานงานต่อไปในพรรคได้ ไม่น่ามีปัญหาอะไร

เมื่อถามว่าก่อนหน้านี้ ที่มีสโลแกนว่า ‘มีลุง ไม่มีเรา’ แต่ครั้งนี้เป็นพรรคฝ่ายค้านร่วมกันแล้ว จะทำอย่างไรให้จุดยืนการทำงานของพรรคร่วมฝ่ายค้านตรวจสอบการทำงานรัฐบาลได้ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า การทำงานของพรรคฝ่ายค้าน กลไกอาจต่างกับฝ่ายบริหารอาจ ไม่จำเป็นต้องพูดคุยกันถึงเนื้อหาในรายละเอียดว่ามีทิศทางในการอภิปรายอย่างไร เพราะแต่ละพรรคจะมีจุดยืนทางการเมืองของตัวเอง มีเนื้อหาที่ตัวเองนำเสนอด้วย เพราะฉะนั้น ในกรอบการทำงานของพรรคฝ่ายค้านในวันนี้ จะมาพูดคุยเรื่องกรอบการจัดสรรเวลา และทิศทางการทำงานในอนาคต และเวทีผู้นำฝ่ายค้านพบประชาชน หากพรรคพลังประชารัฐ มีความยินดีอยากเสนอประเด็นอะไรที่ใช้เวทีผู้นำฝ่ายค้านในการลงไปเจอประชาชนในแต่ละพื้นที่ เราก็ยินดีไม่ปฏิเสธ

นายณัฐพงษ์ ยังกล่าวถึงการรับฟังคำแนะนำจาก พล.อ.ประวิตร หรือคีย์แมนของพรรคพลังประชารัฐ ว่า ไม่น่าเกี่ยวข้องกับการรับฟังข้อคิดเห็น เพราะทุกพรรค กระบวนการในการทำงานผ่านวิป และเรื่องเนื้อหาหลักของการอภิปรายไม่ไว้วางใจ  เมื่อถามต่อว่า ไม่อึดอัดใจใช่หรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า  ไม่อึดอัดใจ และบรรยากาศวันนี้น่าจะเป็นไปได้ดี.