เมื่อวันที่ 18 ธ.ค. 2567 ที่ร้านเอิกเกริก คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี สส.ทั้ง 5 คนของพรรคไทยสร้างไทย ยังอยู่ฝ่ายค้านหรือไม่ ว่า ถามเรื่องอื่นดีกว่า ก่อนผู้สื่อข่าวจะถามย้ำเรื่องเดิม คุณหญิงสุดารัตน์ จึงกล่าวว่า เราในนามพรรคไทยสร้างไทย ยืนยันที่จะทำหน้าที่ที่ประชาชนอาจไม่มอบหมายโดยตรง แต่ตอนต้นเป็นการสลับขั้ว พลิกข้าง แม้ว่าเราไม่ถูกมอบหมายในสิ่งที่ประชาชนอาจไม่คาดหวังให้เป็นแบบนี้ 

แต่เมื่อเราเป็นฝ่ายค้านแล้ว เรายืนยันว่า เราเหลือกี่คน เราทำหน้าที่ของเราอย่างเต็มที่ การเมืองแบบนี้ไม่ใช่การเมืองแบบฝั่งเผด็จการกับประชาธิปไตยแล้ว ต่อไปนี้ไม่ได้สู้ระหว่างสองฝั่ง เพราะมีการไปผสมพันธุ์กันเรียบร้อยแล้ว ระหว่างเผด็จการ กับประชาธิปไตย ต่อไปนี้ คือศักราชของการสู้ระหว่างคุณธรรม กับการไร้คุณธรรม หรือ ดีกับชั่วนั่นเอง 

ดังนั้นการทำหน้าที่ของเราในการทำหน้าที่ฝ่ายค้าน คือการทำหน้าที่อย่างสุจริต การเมืองสุจริตกับประชาชน แต่คำพูด การทำหน้าที่ตรวจสอบการทุจริตต่างๆ การทำให้ประเทศชาติเสียประโยชน์ หรือการทุจริตเชิงนโยบาย ซึ่งเราต้องตามตรวจสอบเรื่องนี้ ส่วนประเด็นเรื่องการอภิปรายไม่ไว้วางใจของพรรคนั้น ยังไม่ได้มีการหารือกันเลย

เมื่อถามย้ำว่า สส. จากพรรคไทยสร้างไทย จะร่วมอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลใช่หรือไม่ คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า ไม่เป็นไร เดี๋ยวรอดูกัน เอาเนื้อแท้ๆ การสู้เรื่องการเมืองสุจริต กับการเมืองไร้จริยธรรมเท่านั้นเอง ดังนั้น พรรคไม่เสียจุดยืน ตนเองไม่เสียจุดยืน จะเหลือกี่คน ตนเองก็ทำหน้าที่เต็มที่ แม้ไม่ได้อยู่ในสภา ก็ทำหน้าที่นอกสภา และไปตรวจสอบกันว่าถูกไหมตามที่พูด

เมื่อถามว่าการร่วมดินเนอร์ในวันนี้ เป็นการการันตีหรือไม่ว่า สส. ของพรรคไทยสร้างไทย จะไม่แตกแถวอีก คุณหญิงสุดารัตน์ ระบุว่า คนแตกแถวก็มี แตกก็แตกไปแล้ว และทางพรรคร่วมฝ่ายค้านก็รู้สภาพ เราไม่ได้ปิดบัง คนที่แตก ก็แตกไปแล้ว คนที่ไม่แตก ก็ทำหน้าที่ไป ส่วนจะการันตีได้หรือไม่ว่า สส. ทั้ง 5 คนของพรรคไทยสร้างไทย ยังอยู่กับพรรคนั้น ก็เดี๋ยวรอดูแล้วกัน ว่าเป็นอย่างไร 

เมื่อถามว่าการที่พูดว่าไม่มีเผด็จการแล้ว แปลว่าสบายใจที่จะร่วมงานกับพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ใช่หรือไม่ คุณหญิงสุดารัตน์ ระบุว่า เอาความจริง ถามใจทุกคนดูว่า ในวันนี้จากเดิมเราคือต่อสู้ระหว่างเผด็จการ กับประชาธิปไตย การหาเสียงที่ผ่านมา เราพูดเสมอว่าเราจะไม่สืบทอดอำนาจเผด็จการ ซึ่งก็พูดทุกพรรคที่เป็นฝ่ายค้านในขณะนั้น แต่เมื่อวันนี้มีการผสมพันธุ์ข้ามขั้วแล้ว ก็ไม่เหลือเผด็จการกับประชาธิปไตย แต่คือการสู้ระหว่างความดี กับความไม่ดี

คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า สิ่งที่อยากฝากให้สังคมได้รู้ว่าตัวอย่างของพรรคไทยสร้างไทย ที่ สส. บางท่าน ทนแรงดันดูดไม่ได้ ต้องไป เราจะปล่อยให้ประเทศไทยเป็นแบบนี้หรือ พรรคไทยสร้างไทยอาจเป็นตัวอย่างที่เล็ก แต่ยังมีตัวอย่างของพรรคการเมืองอื่นที่มีปัญหาที่ใหญ่กว่า ซึ่งก็ไม่ขอเอ่ย เนื่องจากเชื่อว่าสื่อมวลชน และประชาชนคงทราบ ซึ่งผิดทั้งจริยธรรมและรัฐธรรมนูญ 

โดยรัฐธรรมนูญ ระบุว่า ต้องส่งเสริมให้พรรคการเมืองและระบอบประชาธิปไตยเข้มแข็ง แต่วันนี้การกระทำในการที่ดึงคนดูดคนไป ผิดจริยธรรมของทั้งคนที่ดูด และตัวบุคคลที่ไปด้วย และระบุชัดว่า สมาชิกมีหน้าที่ต้องส่งเสริมให้พรรคการเมืองเติบโต เป็นสถาบัน ซึ่งเราก็มีมาตรการในการดำเนินงาน เราให้โอกาส สส. เต็มที่ แต่คนที่เขาไปแล้ว เราก็ต้องมีมาตรการ ตนจะบอกทีหลัง เมื่อถึงเวลา เราไม่ได้ปิดบังอะไร เราบอกแกนนำพรรคฝ่ายค้านว่า สภาพเราเป็นอย่างนี้ หากเทียบกับปัญหาพรรคอื่น เขาอาจจะน้อยกว่า แต่ถ้าเทียบสัดส่วนอาจจะมากกว่า  

“เราจะปล่อยให้บ้านเมืองเป็นแบบนี้หรือ สส.ที่ประชาชนเลือกมา จะทำอะไรก็ได้ การที่ไม่ต้องรักษาสัญญากับประชาชน ทำอะไรก็ได้ที่ทำลายระบอบรัฐธรรมนูญ ระบอบรัฐสภา หรือพรรคการเมืองตัวเอง เราจะปล่อยให้การเมืองแบบนี้หรือ ถามใจกันจริงๆ” คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าว

คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวอีกว่า ไม่ได้อึดอัดใจอะไรในการทำงานร่วมกันกับพลเอกประวิตร เนื่องจากว่าพอเป็นฝ่ายค้านแล้ว ไม่ว่าจะอยู่ฝ่ายไหนก็ต้องรู้หน้าที่ เราจะต้องซื่อสัตย์ต่อประชาชน ซื่อสัตย์ต่อหน้าที่เรา ไม่ใช่ตัวบุคคล และบอกไปแล้วว่า มันคงหมดแล้ว เรื่องการสู้ระหว่างประชาธิปไตยกับเผด็จการ 

เมื่อถามย้ำว่า ที่บอกให้รอ คือรอดูช่วงการโหวตลงมติการอภิปรายไม่ไว้วางใจใช่หรือไม่ คุณหญิงสุดารัตน์ ระบุว่า มีสองประเด็น คือมาตรการในการดำเนินการ และ สส.ที่ไม่ทำหน้าที่ที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ ผิดจริยธรรมด้วย อันนี้คือสิ่งที่อยากให้รอ 

อีกเรื่องคือเราก็มี สส. ที่กลับมาทำหน้าที่ฝ่ายค้าน ก็คงจะได้เห็นกันแสดงบทบาทกัน และต้องขอโทษประชาชนอีกครั้ง หากเราไม่เปลี่ยนจุดยืน หรือเปลี่ยนอุดมการณ์ แต่คนที่ทนแรงดูดไม่ได้ มันก็มีเหมือนกัน ตนเองมองว่าวันนี้ที่อยากเชิญชวนประชาชนให้ความใส่ใจ คือเรื่องของการเมืองสุจริต กับการเมืองที่ทุจริต และอยากให้จับตาเรื่องจริยธรรมด้วย.