เมื่อวันที่ 19 ธ.ค. นพ.ภาณุมาศ ญาณเวทย์สกุล อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงกรณีมีรายงานข่าวพบโรคไม่ทราบสาเหตุระบาดในสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก ในแถบแอฟริกากลาง เมื่อวันที่ 4 ธ.ค. 2567 กรมควบคุมโรคได้รับรายงานจาก SEAR International Health Regulation (SEAR IHR) โดยกระทรวงสาธารณสุขของสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก (Ministry of Health Democratic Republic of the Congo) รายงานพบการระบาดของโรคไม่ทราบสาเหตุ ตั้งแต่วันที่ 24 ต.ค. 2567 ในเขตสุขภาพปานซี (Panzi Health Zone) จังหวัดกวังโก อยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก และยังมีรายงานผู้ป่วยและเสียชีวิตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งถือเป็นสถานการณ์ที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด
จากการติดตามสถานการณ์ ข้อมูลจาก Africa CDC ณ วันที่ 9 ธ.ค. 2567 พบมีรายงานผู้ป่วยโรคไม่ทราบสาเหตุ ตั้งแต่วันที่ 24 ต.ค. 2567 จำนวน 527 ราย เสียชีวิต 32 ราย ในจำนวนนี้มี 19 ราย หรือ 59 เปอร์เซ็นต์ เป็นเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี พบผู้ป่วยมากที่สุดในกลุ่มอายุต่ำกว่า 5 ปี 42.7เปอร์เซ็นต์ อายุ 5-9 ปี 25.4 เปอร์เซ็นต์ อายุมากกว่า 25 ปี 22.6 เปอร์เซ็นต์ กลุ่มอายุ 20-24 ปี 3.6 เปอร์เซ็นต์ กลุ่มอายุ 10-14 ปี 3 เปอร์เซ็นต์ และกลุ่มอายุ 15-19 ปี 2.4 เปอร์เซ็นต์ โดยอาการที่พบบ่อยที่สุด ได้แก่ ไข้ ไอ และอ่อนเพลีย ทั้งนี้จากการแถลงข่าวโดยกระทรวงสาธารณสุขสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก เมื่อวันที่ 5 ธ.ค. 2567 พบผู้เสียชีวิตที่ยังไม่ได้รับการยืนยันในชุมชนเพิ่มเติม
ในส่วนของผู้ป่วยนั้นพบกระจายอยู่ใน 9 พื้นที่ จากทั้งหมด 30 พื้นที่ในเขตสุขภาพปานซี อาการที่พบในผู้เสียชีวิต ได้แก่ หายใจลำบาก โลหิตจาง และมีภาวะทุพโภชนาการเฉียบพลัน ขณะนี้องค์การอนามัยโลกได้ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขของสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก ส่งทีมสอบสวนควบคุมโรคไปยังพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบแล้ว เพื่อดำเนินการเฝ้าระวัง สอบสวนควบคุมโรค และทดสอบทางห้องปฏิบัติการเพื่อหาสาเหตุของโรค ศึกษาวิธีการแพร่ระบาด และให้มาตรการที่เหมาะสม ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างรอผลการทดสอบทางห้องปฏิบัติการ จึงยังไม่สามารถระบุสาเหตุของการเกิดโรคที่แน่ชัด
นพ.ภาณุมาศ กล่าวต่อว่า สำหรับประเทศไทยมีการประเมินความเสี่ยงเบื้องต้น ประชาชนในประเทศยังมีความเสี่ยงต่ำจากโรคไม่ทราบสาเหตุนี้ อย่างไรก็ตามได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ติดตามผลตรวจทางห้องปฏิบัติการยืนยันจากพื้นที่ระบาดอย่างต่อเนื่อง เน้นให้เฝ้าระวังโรคแบบเข้มข้น โดยเฉพาะด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศที่เป็นด่านแรก ในการเฝ้าระวังผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศและพื้นที่ที่มีการระบาด โดยปกติกรมควบคุมโรค มีมาตรการเฝ้าระวังในผู้ที่เดินทางมาจากสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก ก่อนเดินทางเข้าประเทศไทย เนื่องจากเป็น 1 ใน 42 ประเทศ ที่ประกาศเป็นเขตติดโรคไข้เหลือง.