การอยู่ร่วมกันอย่างยั่งยืนในโลกปัจจุบันนี้จำเป็นต้องอาศัยกติกาที่ชัดเจน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (ESG) ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อความอยู่รอดของโลกและสังคมมนุษย์ ปัจจุบันแนวคิด ‘ESG’ ได้รับความสนใจอย่างแพร่หลายในภาคธุรกิจและการลงทุน โดยมีการนำมาใช้เป็นเกณฑ์ในการประเมินและจัดอันดับความยั่งยืนขององค์กร ซึ่งข้อมูล ESG เหล่านี้ถือเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้นักลงทุนสามารถตัดสินใจลงทุนในบริษัทที่มีการดำเนินงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและสังคมได้อย่างมั่นใจ
สำหรับประเทศไทย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้มีการพัฒนาดัชนี ‘SET ESG Ratings’ เพื่อคัดเลือกบริษัทจดทะเบียนที่มีผลการดำเนินงานด้าน ESG เป็นเลิศ ซึ่งดัชนีนี้ได้รับความนิยมจากนักลงทุนเป็นอย่างมากและกลายเป็นมาตรฐานใหม่ในการลงทุนที่ยั่งยืน

สำหรับ SET ESG Ratings คือ ระบบการประเมินและคัดเลือกบริษัทจดทะเบียนที่มีการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) โดยพิจารณาจาก 3 มิติหลัก ได้แก่ สิ่งแวดล้อม (Environment), สังคม (Social) และ บรรษัทภิบาล (Governance)
บริษัทที่ได้รับการคัดเลือกให้เป็น ‘หุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings’ นั้น จะต้องผ่านกระบวนการประเมินที่เข้มงวด ซึ่งประกอบด้วยการคัดกรองเบื้องต้น การประเมินคะแนนจากแบบสอบถาม และการพิจารณาคุณสมบัติเฉพาะของบริษัทอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทจะต้องมีผลการดำเนินงานที่เป็นเลิศในทุกมิติของ ESG และปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่ ตลท. กำหนด
เกณฑ์การประเมินหุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings ครอบคลุมถึงการปฏิบัติตามกฎหมายและข้อบังคับ การมีส่วนร่วมในกิจกรรมเพื่อสังคม การบริหารความเสี่ยง และการเปิดเผยข้อมูลที่โปร่งใส ตลท. จะประกาศรายชื่อบริษัทที่ได้รับการคัดเลือกเป็นหุ้นยั่งยืนในช่วงเดือนธันวาคมของทุกปี
ระดับของหุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings จะถูกแบ่งออกเป็น 4 ระดับ ตามคะแนนที่ได้รับ โดยระดับ AAA ถือเป็นระดับสูงสุด ซึ่งบ่งชี้ว่าบริษัทมีการดำเนินงานด้านความยั่งยืนที่โดดเด่นและเป็นแบบอย่าง
การได้รับการคัดเลือกให้เป็นหุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings จะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือและภาพลักษณ์ที่ดีให้กับบริษัท เพิ่มความสามารถในการแข่งขัน และดึงดูดนักลงทุนที่ให้ความสำคัญกับการลงทุนอย่างยั่งยืน
SET ESG Ratings ที่ว่านี้ ถือเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและดึงดูดนักลงทุนให้หันมาสนใจบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้บริษัทสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้สะดวกยิ่งขึ้น ข้อมูลจากการประเมิน SET ESG Ratings นับเป็นข้อมูลเบื้องต้นที่เป็นประโยชน์ต่อนักลงทุนในการเปรียบเทียบและวิเคราะห์การดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (ESG) ของแต่ละบริษัท เพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุน
สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของ SET ESG Ratings ในปัจจุบัน โดยมีมูลค่าการลงทุนในกองทุน ESG ในประเทศไทย ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2567 สูงถึง 1.6 แสนล้านบาท ตัวอย่างเช่น กองทุนวายุภักษ์ หนึ่ง ที่มีมูลค่ากว่า 1.5 แสนล้านบาท และกองทุน ThaiESG กว่า 51 กองทุน ที่มีมูลค่ารวมราว 14,545 ล้านบาท ต่างก็ใช้ SET ESG Ratings เป็นหนึ่งในเกณฑ์สำคัญในการคัดเลือกหลักทรัพย์เพื่อลงทุน
ล่าสุด ผลการประเมินหุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings ประจำปี 2567 สร้างสถิติใหม่ด้วยจำนวนบริษัทที่ผ่านเกณฑ์สูงถึง 228 บริษัท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าถึง 37 บริษัท สะท้อนให้เห็นถึงความตื่นตัวของภาคธุรกิจไทยในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน และความสนใจของนักลงทุนที่มีต่อหลักการ ESG (Environmental, Social, and Governance) ที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
โดยปีนี้มีบริษัทจดทะเบียนเข้าร่วมการประเมินเป็นจำนวนมากถึง 320 บริษัท ซึ่งนับเป็นจำนวนที่สูงที่สุดนับตั้งแต่มีการจัดทำการประเมินนี้ โดยในจำนวนนี้มีบริษัทใหม่ที่ได้รับการคัดเลือกให้เป็นหุ้นยั่งยืนถึง 55 บริษัท แสดงให้เห็นถึงความพยายามของบริษัทไทยในการปรับปรุงกระบวนการดำเนินงานให้สอดคล้องกับหลักการ ESG โดยเฉพาะในเรื่องการเปิดเผยข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่นักลงทุนทั่วโลกให้ความสำคัญ
ผลการประเมินแบ่งออกเป็น 5 ระดับ ได้แก่ AAA, AA, A และ BBB โดยกลุ่มบริษัทที่ได้รับการจัดอันดับในระดับ AAA มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจาก 33 บริษัทในปีก่อนหน้า เป็น 56 บริษัทในปีนี้ สะท้อนให้เห็นถึงการพัฒนาที่ก้าวกระโดดของภาคธุรกิจไทยในด้านความยั่งยืน นอกจากนี้ หุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings ยังกระจายอยู่ในหลากหลายกลุ่มอุตสาหกรรม โดยกลุ่มธุรกิจบริการมีจำนวนบริษัทที่ผ่านเกณฑ์มากที่สุด ตามมาด้วยกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง และกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม
จากผลการประเมินดังกล่าว สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของบริษัทจดทะเบียนไทยในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน โดยบริษัทต่างๆ ได้ให้ความสำคัญกับการปรับปรุงกระบวนการทำงานใน 3 ด้านหลัก ได้แก่
ประการแรก การวิเคราะห์และระบุประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืนที่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจ โดยเปรียบเทียบกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) และวางแผนการดำเนินงานเพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านั้นอย่างชัดเจน บริษัทต่างๆ ได้เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับกระบวนการวิเคราะห์และเป้าหมายที่ตั้งไว้ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความโปร่งใสและความรับผิดชอบต่อสังคม
ประการที่สอง การให้ความสำคัญกับลูกค้า บริษัทต่างๆ ตระหนักถึงความสำคัญของการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า โดยมุ่งเน้นการพัฒนาสินค้าและบริการเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ยังมีการนำผลการสำรวจความพึงพอใจของลูกค้ามาปรับปรุงกระบวนการทำงานภายในองค์กร ซึ่งจะส่งผลดีต่อการเติบโตในระยะยาว
ประการสุดท้าย การให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม บริษัทส่วนใหญ่ได้กำหนดเป้าหมายในการลดการใช้ทรัพยากรและการปล่อยของเสีย โดยมีการดำเนินโครงการต่างๆ เพื่อส่งเสริมให้พนักงานมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ การมีหน่วยงานหรือบุคลากรที่รับผิดชอบด้านสิ่งแวดล้อมโดยเฉพาะ จะช่วยให้บริษัทสามารถบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดต้นทุนการผลิต และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก
อย่างไรก็ตาม แม้บริษัทจดทะเบียนหลายแห่งจะให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนตามหลักการ ESG แล้ว แต่การพัฒนาอย่างต่อเนื่องยังคงเป็นสิ่งจำเป็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานให้มีความยืดหยุ่นและรับผิดชอบมากยิ่งขึ้น การส่งเสริมนวัตกรรมเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์และบริการ ตลอดจนการดำเนินงานด้านสังคมที่คำนึงถึงสิทธิมนุษยชนอย่างจริงจัง
สำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในธุรกิจที่มีความยั่งยืน หุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings ถือเป็นเครื่องมือที่น่าสนใจอย่างยิ่งในการคัดเลือกหุ้น เนื่องจากเป็นการประเมินผลการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาลของบริษัทจดทะเบียน ทำให้นักลงทุนสามารถนำข้อมูลเหล่านี้ไปใช้ประกอบการตัดสินใจลงทุนเบื้องต้นควบคู่กับการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานอื่นๆ ของบริษัทได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ การลงทุนในหุ้นยั่งยืนยังเป็นการบริหารความเสี่ยงในระยะยาวและสร้างโอกาสในการได้รับผลตอบแทนที่ยั่งยืนไปพร้อมกันอีกด้วย