นายบัญชา  สุขแก้ว  อธิบดีกรมประมง เปิดเผยว่า ตามที่นายอัครา พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์  ให้เกียรติมาเป็นประธานในพิธีเปิด “งานบริหารจัดการการทำประมงปลาบึกเขื่อนแก่งกระจาน ประจำปี พ.ศ.2567” เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2567 ที่ผ่านมา เพื่อเปิดโอกาสให้กลุ่มผู้ประกอบอาชีพทำการประมงได้ทำการประมงปลาบึก ได้อย่างยั่งยืน ภายใต้การมีส่วนร่วมของชุมชนเป็นการบริหารจัดการการทำประมงปลาบึกให้เหมาะสมต่อสภาวะการทำประมงและปริมาณปลาบึกในเขื่อนแก่งกระจาน โดยแต่ละปีจะกำหนดจำนวนปลาบึกที่สามารถจับขึ้นได้ เป็นการนำปลาบึกขึ้นมาใช้ประโยชน์อย่างคุ้มค่า ตลอดจนเป็นแนวทางการอนุรักษ์ตามวิถีเศรษฐกิจพอเพียง โดย 6 ชุมชนประมงรอบเขื่อนแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี

ประกอบด้วย  ชุมชนบ้านท่าเรือ ชุมชนบ้านวังวน ชุมชนบ้านท่าลิงลม ชุมชนบ้านพุเข็ม ชุมชนบ้านพุบอน และชุมชนบ้านน้ำทรัพย์ สามารถจับปลาบึกได้อย่างถูกกฎหมายและกติกาชุมชนที่ร่วมกันกำหนดมีความสอดคล้องกับหลักวิชาการและมาตรการที่กรมประมงดำเนินการในการดูแลรักษาทรัพยากรสัตว์น้ำ เนื่องจากปลาบึกเป็นสัตว์น้ำที่ถูกจัดอยู่ในกลุ่มเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์และอยู่ในบัญชี CITES กลุ่ม 1 เป็นชนิดสัตว์น้ำที่ใกล้สูญพันธุ์ ดังนั้น การจับขึ้นมาใช้ประโยชน์จึงต้องดำเนินการภายใต้การบริหารจัดการการทำประมงให้เกิดความยั่งยืนของทรัพยากรสัตว์น้ำ ชุมชนชาวประมงรอบเขื่อนแก่งกระจานจึงมีแนวคิดจับ 1 ตัว ปล่อย 100 ตัว ซึ่งตอบโจทย์ตามนโยบายความมั่นคงทางอาหารของทางรัฐบาล และนโยบายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 

ขณะนี้ โควตาการอนุญาตให้จับปลาบึกของปีนี้ จำนวน 50 ตัว ครบตามมติที่ชุมชนกำหนดเรียบร้อยแล้ว จึงประกาศสิ้นสุดฤดูการทำประมงปลาบึกเขื่อนแก่งกระจาน ประจำปี พ.ศ. 2567 โดยตั้งแต่เปิดจับปลาเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน ถึง 15 ธันวาคม 2567 รวม 38 วัน จับปลาบึกได้ทั้งหมด 51 ตัว (ปลาเป็น 10 ตัว และปลาสด 41 ตัว) ซึ่งตัวที่ใหญ่ที่สุดมีน้ำหนักถึง 195 กิโลกรัม ความยาว 2.36 เมตร และปลาตัวเล็กที่สุดน้ำหนัก 75 กิโลกรัม ความยาว 1.73 เมตร น้ำหนักปลาบึกที่จับได้ทั้งหมดรวม 5,327 กิโลกรัม มูลค่ารวมกว่า 763,240 บาท ซึ่งช่วยสร้างรายได้ให้กับพี่น้องชาวประมงในชุมชนเป็นอย่างมาก

หลังจากนี้ทางกลุ่มผู้ประกอบอาชีพทำการประมงเพื่อการอนุรักษ์ตามวิถีเศรษฐกิจพอเพียงเขื่อนแก่งกระจาน จะนำเงินรายได้จากการขายบัตรจับปลาบึก สมทบเข้ากองทุนปลาบึกเพื่อการบริหารจัดการปลาบึกตามกติกาของกลุ่มฯ ที่กำหนดไว้ว่าจับปลาบึกได้ 1 ตัวต้องนำเงินสมทบเข้ากองทุนปลาบึก 1,000 บาท ซึ่งปีนี้จะมีเงินเข้ากองทุนฯ รวม 51,000 บาท และเงินค่าสมัครทำการประมงปลาบึกของผู้สมัครจำนวน 21 ราย รวม 21,000 บาท เป็นเงินทั้งสิ้น 72,000 บาท เพื่อนำเงินไปซื้อลูกพันธุ์ปลาบึกสำหรับปล่อยตามแนวคิด จับ 1 ตัว ปล่อย 100 ตัว ช่วงเดือนเมษายน 2568 ในกิจกรรมปล่อยพันธุ์ปลาบึกและการแข่งเรือเรารักแก่งกระจาน และรายได้ส่วนหนึ่งนำไปพัฒนาชุมชน วัด โรงเรียน ทุนการศึกษาและสวัสดิการของสมาชิกในชุมชนต่อไป