การประชุม ครม.วันที่ 24 ธ.ค.ที่ผ่านมา “นายกฯ อิ๊งค์” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ได้สั่งการให้แต่ละกระทรวงหาของขวัญปีใหม่ให้ประชาชน ขณะเดียวกัน ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ทำเนียบรัฐบาล นายสนธิ ลิ้มทองกุล นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) และกลุ่มมวลชนสวมเสื้อสีเหลืองจำนวนมาก ได้เดินทางมาเพื่อร่วมลงนามทวงถามถึงนายกฯ และ ครม. ให้เพิกถอนบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลกัมพูชาว่าด้วยพื้นที่ที่ไทยและกัมพูชาอ้างสิทธิในไหล่ทวีปทับซ้อนกันปี 2544 (เอ็มโอยู 2544) และแถลงการณ์ร่วมระหว่าง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ กับ นายฮุน เซน อดีตนายกฯ กัมพูชา ปี 2544 (เจซี 2544)

แต่โดยสรุปก็ไม่มีความคืบหน้าอะไร นายปานเทพ บอกว่า “นายกฯ เคยบอกว่าพร้อมจะพูดคุยกับนายสนธิ แต่เมื่อถึงเวลาบอกว่าเวทีสาธารณะไม่ต้องเพราะมีศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์อยู่แล้ว ตกลงนายกฯ นอกจากอ่านภาษาไทยไม่รู้เรื่องแล้วยังความจำสั้นหรือเปล่า ในปี 2568 เราจะมีการนัดกัน 2 ที่ คือ 1.รัฐสภา 2.กระทรวงการต่างประเทศ หากยังไม่คืบหน้าอาจไปที่กองทัพเรือ”

นายกฯ อิ๊งค์ กล่าวถึงกรณีเอ็มโอยู 44 ว่า เรื่องนี้ยังมีการพูดคุยและความเห็นที่หลากหลายไม่ตรงกันในหลายเรื่อง ฉะนั้นเรื่องนี้ต้องพูดคุยในรายละเอียดให้ชัดเจน การที่ไม่เปิดเวทีสาธารณะเพราะเรื่องระหว่างประเทศมันจะเกี่ยวข้องกับข้อได้เปรียบเสียเปรียบ บางครั้งเป็นรายละเอียดที่เรายังเปิดเผยไม่ได้

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีมีนักวิชาการออกมาปรามาสการที่ น.ส.แพทองธาร นั่งตำแหน่งประธานการปราบปรามผู้มีอิทธิพล คงทำให้นายกฯ อิ๊งค์ฉุนไม่น้อย จึงย้อนถามสื่อทันทีว่า “ปรามาสดิฉันทำไมละคะ ทำไมไม่ปรามาสผู้มีอิทธิพล อันนี้มันเริ่มก็ผิดแล้ว อันนี้ความจริงแล้วต้องถามว่าการปรามาสแบบนี้มันเกิดประโยชน์อะไร ทำไมเราไม่ดูเรื่องของผู้มีอิทธิพล เพราะตอนนี้ความจริงแล้วรัฐบาลมีนโยบายและแนวทางทำเรื่องนี้อย่างจริงจัง เพราะเราไม่อยากทำให้เกิดความไม่สงบสุข จนประชาชนต้องลำบากจากผู้มีอิทธิพล ยืนยันเรื่องนี้เราทำเต็มที่”

วันเดียวกัน “อดีตนายกฯ แม้ว” นายทักษิณ ชินวัตร ดูเอ็นจอยมากกับการลงพื้นที่ช่วย “สว.ก๊อง” นายพิชัย เลิศพงศ์อดิศร หาเสียงชิงเก้าอี้นายก อบจ.เชียงใหม่ เพราะจัดเวทีไปพูดถึง 3 จุดในวันเดียว “อดีตนายกฯ แม้ว” อ้อนคนบ้านเกิดเป็นภาษาคำเมือง หวังว่าประชาชนจะเทคะแนนให้นายพิชัยถึง 6 แสน

“หากนายกก๊องไม่ชนะ สส.เพื่อไทยเหลือน้อย ผมมาเชียงใหม่ก็อายเหมือนกัน ฉะนั้น อย่าให้ผมอายนะ เที่ยวนี้เอาให้ชนะขาดๆ ผมจะได้มาบ่อย มาดูว่าที่ไหนเดือดร้อนจะได้ช่วยกันเต็มที่ ผมอายุมากแล้วเหลือเวลาแค่ 40 ปี ตั้งความหวังไว้ก่อน ทำให้แข็งแรงจะได้มีเวลาดูแลพี่น้อง กลับมาก็อยากทำให้คนไทยมีเงินใช้ทุกคน แก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 ไม่ต้องห่วงเรื่องยุบสภา ปัญหากระทบกระทั่งเหมือนลิ้นกับฟันเป็นเรื่องธรรมดา ยังไงก็อยู่ครบเทอม มีเสถียรภาพเช่นนี้จะยุบสภาทำไม ใครจะออกมาเห่าหอนก็ปล่อยเขา เราทำงานอย่างเดียว ได้ยินเสียงนกเสียงกาพี่น้องก็หูทวนลมอย่าไปสนใจ” อดีตนายกฯ กล่าว

นายทักษิณ ให้สัมภาษณ์ว่า การเมืองปี 68 คงยังไม่มีอะไร ยังเหมือนเดิม ส่วนกรณีที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่ม พธม. ประกาศจะลงถนนอีก ก็มองว่าไม่เห็นเป็นอะไร ถนนมีไว้ให้คนเดิน คนเดินหรือรถก็ว่าไป ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า เป็นการกวนใจรัฐบาล น.ส.แพทองธารหรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า อย่าไปคิด จิตปรุงแต่ง อย่าไปคิดว่าสิ่งหนึ่งเกิด และอีกสิ่งหนึ่งต้องเกิดตามมา

โอกาสนี้อดีตนายกฯ แม้ว อวยพรปีใหม่คนไทยว่า “ปีนี้เป็นปีแรกที่ผมได้กลับมาทำงาน ด้วยความห่วงใยและรับใช้พี่น้องคนไทยทุกคน เนื่องจากว่า เมื่อกลับมาแล้วผมได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต เพราะฉะนั้นผมจะต้องทำหน้าที่ ในฐานะอดีตนายกฯ และคนไทยคนหนึ่ง ทำงานรับใช้สังคมให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้

ปีใหม่นี้ผมขอให้กำลังใจพี่น้องคนไทยทุกคนว่าเมื่อผมกลับมาแล้ว จะพยายามทำหน้าที่คนไทยและอดีตนายกฯ เพื่อคนไทยทุกคนอย่างดีที่สุด เพื่อให้พวกเราได้พ้นจากทุกข์ที่เกิดขึ้นในอดีต โดยเฉพาะทุกข์เรื่องเศรษฐกิจ ทุกข์เรื่องยาเสพติด ทุกข์เรื่องหนี้สิน และทุกข์แห่งการที่เราตกขบวนทางเทคโนโลยี ซึ่งอาจจะไม่ทันโลก เรามาช่วยกัน ผมจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด เราจะก้าวไปด้วยกันอย่างมั่นคง”

สำหรับเรื่องคดีชั้น 14 พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ดูจะมีความมั่นใจในการชี้แจงหน่วยงานตรวจสอบมาก เจ้าตัวกล่าวว่า “ที่มองว่าความยุติธรรม 2 มาตรฐานก็เป็นความรู้สึก หากดูเรื่องการพักโทษ ก็ได้ให้นโยบายว่าให้ใครที่เข้าเกณฑ์โดยเฉพาะผู้สูงอายุ 70 ปีขึ้นไป ซึ่งในแต่ละเดือนค่อนข้างมีมาก การพักโทษมีอยู่ทุกเดือน เพียงแต่ไม่ได้ออกมาพูดหรือเป็นข่าว กรณีนายทักษิณ ทุกคนมั่นใจว่าทำตามระเบียบและกฎหมาย”

“นายทักษิณต้องราชทัณฑ์ 6 เดือน แม้ไม่ได้อยู่ในเรือนจำ แต่เราได้เขียนกฎหมายเอาไว้ให้โรงพยาบาลเป็นที่ควบคุมตัว รวมทั้งมีหนังสืออายัดตัวด้วย กรมราชทัณฑ์ได้ทำตามมาตรฐาน ส่วนภาพของนายทักษิณที่ดูแข็งแรงมากจนไม่เหมือนคนป่วยนั้น ถือเป็นอีกประเด็นหนึ่ง บางคนมองภาพภายนอกดูแข็งแรงแต่ภายในอาจป่วย เราต้องเชื่อแพทย์ ทุกอย่างต้องเชื่อแพทย์ และเราไม่ได้เชื่อทั้งหมดเพราะแพทย์ แต่มีหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ แต่ตนเปิดเผยไม่ได้ ซึ่งในระหว่างประชุม แพทย์ที่เข้าประชุมได้ชี้ว่าตรงนี้เป็นหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ เช่น ผลเอ็มอาร์ไอ” นายทวี กล่าว

ก็เรียกว่า มีหลักฐานที่ยังไม่เปิดอีก ไว้สู้คดีในชั้น ป.ป.ช.ที่ไต่สวน ขรก.12 คน เชื่อว่า หลายคนคงอยากรู้ว่า “หลักฐานทางวิทยาศาสตร์เรื่องอาการป่วย” คืออะไร เมื่ออดีตนายกฯ แม้วประกาศอยู่ได้อีก 40 ปีในวัย 75 ปีซะอย่างนั้น

รัฐมนตรีน้ำ” จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี บอกเล่าถึงการทำงานด้านสื่อว่า ได้มอบนโยบายกรมประชาสัมพันธ์ให้มีรายการใหม่ๆ ที่ใกล้ชิดประชาชนมากขึ้น ซึ่งวันที่ 1 ม.ค.เป็นต้นไป จะมีการปรับโลโก้ ปรับภาพลักษณ์ของสถานี หลังเที่ยงคืนวันที่ 31 ธ.ค.จะมีการปรับเปลี่ยนหน้าจอ และปีหน้าจะมีเรื่องซอฟต์พาวเวอร์ และมีรายการที่น่าสนใจอีกมาก ยืนยันว่าสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (NBT) จะเป็นที่พึ่งประชาชนได้

ประเด็นข่าวสำคัญปิดท้าย นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ที่ประชุม ครม.มีมติอนุมัติตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอการแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง รวม 33 ราย อาทิ 1. นายชูชีพ พงษ์ไชย จากตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด (ผวจ.) แม่ฮ่องสอน ให้ดำรงตำแหน่ง ผวจ.ตาก 2. นายอธิสรรค์ อินทร์ตรา ตำแหน่งรอง ผวจ.กาญจนบุรี ดำรงตำแหน่ง ผวจ.กาญจนบุรี 3. นายเธียรชัย ชูกิตติวิบูลย์ ตำแหน่งรองอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ดำรงตำแหน่ง ผวจ.ชุมพร 4. นายชานน วาสิกศิริ ตำแหน่งรอง ผวจ.นครนายก ดำรงตำแหน่ง ผวจ.นครนายก

5. น.ส.อโรชา นันทมนตรี ตำแหน่งรอง ผวจ.นครปฐม ดำรงตำแหน่ง ผวจ.นครปฐม 6. นายปราชญา อุ่นเพชรวรากร ตำแหน่งรอง ผวจ.นครพนม ดำรงตำแหน่ง ผวจ.นครพนม 7. นายสมชาย ลีหล้าน้อย ตำแหน่งรอง ผวจ.นครศรีธรรมราช ดำรงตำแหน่ง ผวจ.นครศรีธรรมราช 8. น.ส.ชุติพร เสชัง ตำแหน่งรอง ผวจ.นครสวรรค์ ดำรงตำแหน่ง ผวจ.นครสวรรค์ 9. นายปิยะ ปิจนำ ตำแหน่งรอง ผวจ.บุรีรัมย์ ดำรงตำแหน่ง ผวจ.บุรีรัมย์ 10. นายสิทธิชัย สวัสดิ์แสน ตำแหน่งรอง ผวจ.ประจวบคีรีขันธ์ ดำรงตำแหน่ง ผวจ.ประจวบคีรีขันธ์ 11. นายไพรัตน์ เพชรยวน รอง ผวจ.จังหวัดพังงา ดำรงตำแหน่ง ผวจ.พังงา 12. นายรัฐศาสตร์ ชิดชู ตำแหน่งรอง ผวจ.หนองคาย ดำรงตำแหน่ง ผวจ.พัทลุง

13. น.ส.ธนียา นัยพินิจ รอง ผวจ.พิจิตร ดำรงตำแหน่ง ผวจ.พิจิตร 14. ร.ต.ท.ภพชนก ชลานุเคราะห์ ตำแหน่งรองอธิบดีกรมการปกครอง (ปค.) ดำรงตำแหน่ง ผวจ.เพชรบุรี 15. นายสมชัย เลิศประสิทธิพันธ์ ตำแหน่งรองอธิบดี ปค. ดำรงตำแหน่ง ผวจ.แพร่ 16. นายเอกวิทย์ มีเพียร ตำแหน่งรองอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) ดำรงตำแหน่ง ผวจ.แม่ฮ่องสอน 17. นายชาญชัย ศรศรีวิชัย ตำแหน่งรอง ผวจ.ยโสธร ดำรงตำแหน่ง ผวจ.ยโสธร 18. นายชัชวาลย์ เบญจสิริวงศ์ ตำแหน่งรอง ผวจ.ร้อยเอ็ด ดำรงตำแหน่ง ผวจ.ร้อยเอ็ด 19. นายสุพจน์ ภูติเกียรติขจร ตำแหน่งรอง ผวจ.ระนอง ดำรงตำแหน่ง ผวจ.ระนอง

20. น.ส.ฐิติลักษณ์ คำพา รอง ผวจ.ชลบุรี ดำรงตำแหน่ง ผวจ.ราชบุรี 21. นายวิวัฒน์ อินทร์ไทยวงศ์ รอง ผวจ.มุกดาหาร ดำรงตำแหน่ง ผวจ.ลำพูน 22. นายนพฤทธิ์ ศิริโกศล รอง ผวจ.สุโขทัย ดำรงตำแหน่ง ผวจ.สุโขทัย 23. นายธีรุตม์ ศุภวิบูลย์ผล รอง ผวจ.สุราษฎร์ธานี ดำรงตำแหน่ง ผวจ.สุราษฎร์ธานี 24. นายสุรศักดิ์ อักษรกุล รอง ผวจ.หนองบัวลำภู ดำรงตำแหน่ง ผวจ.หนองบัวลำภู

25. นายชวนินทร์ วงศ์สถิตจิรกาล รอง ผวจ.อ่างทอง ดำรงตำแหน่ง ผวจ.อ่างทอง 26. นายณรงค์ เทพเสนา รอง ผวจ.อำนาจเจริญ ดำรงตำแหน่ง ผวจ.อำนาจเจริญ ที่ประชุม ครม.มีมติอนุมัติตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอการแต่งตั้งผู้ว่าการการประปานครหลวง (กปน.) คือ น.ส.สุวรา ทวิชศรี

“ทีมข่าวการเมือง”