เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 25 ธ.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวภายหลังเข้าพบนายกฯ บนตึกไทยคู่ฟ้า ว่า นายกฯ ให้ความสนใจและเป็นห่วงสอบถามในเรื่องคดีด้านเศรษฐกิจต้องการสร้างความเชื่อมั่นให้ระบบเศรษฐกิจทั้งคดีดิไอคอนที่เพิ่งส่งสำนวนไปเมื่อวันที่ 23 ธ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งจะครบจำนวนการฝากขังครั้งที่ 7 ในวันที่ 8 ม.ค. 68 และจะมีระยะเวลาให้คณะกรรมการอัยการพิจารณา 10 กว่าวัน ขณะเดียวกันมีการรายงานคดีหุ้นสตาร์ค คดีบริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) (EA) และคดีนพ.บุญ วนาสิน ผู้ต้องหาคดีร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการหลอกลวงประชาชน ซึ่งได้มีการประสานกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ว่าเข้าเงื่อนไขที่จะต้องเป็นคดีพิเศษ โดยอาจใช้อำนาจนายกฯ ในการแต่งตั้งเจ้าหน้าที่หรือหน่วยงานของรัฐอื่นๆ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการสอบสวน ซึ่งเป็นไปตามกฎหมายของดีเอสไอ 

เมื่อถามย้ำว่าคดี นพ.บุญ จะเข้าข่ายคดีพิเศษได้หรือไม่นั้น พ.ต.ต.ยุทธนา กล่าวว่า เท่าที่ฟังการสรุปและข้อเท็จจริงจากรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รองผบช.น.) และทีมผู้การนครบาล 1 รวมถึงคณะพนักงานสอบสวน ถือว่าเข้าองค์ประกอบความผิดตามพ.ร.ก.กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนอยู่ในบัญชีท้ายพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) สอบสวนคดีพิเศษ

เมื่อถามถึงลักษณะรายละเอียดคดีทั้งมูลค่า และผู้เสียหาย พ.ต.ต.ยุทธนา กล่าวว่า อยู่ในเกณฑ์ที่สามารถรับเป็นคดีพิเศษได้ จึงจะต้องมีการหารือกันว่าทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ให้ความช่วยเหลือในแง่มุมใดได้บ้าง เช่นเดียวกับคดีดิไอคอน โดยจะมีการรวบรวมพยานเอกสารทั่วประเทศประมาณ 350,000 แผ่น เกือบพันแฟ้มเพื่อส่งให้สำนักงานอัยการสูงสุดได้ทันเวลา

เมื่อถามอีกว่าทางทนายบอสพอลออกมาระบุว่าได้ทำเรื่องรายละเอียดขอไปยังดีเอสไอเกี่ยวกับผู้เสียหาย แต่ทางดีเอสไอไม่ได้ส่งให้  จึงไม่มั่นใจว่าจะได้รับความเป็นธรรมในการสู้คดีหรือไม่ พ.ต.ต.ยุทธนา กล่าวว่า มีการรวบรวมพยานหลักฐานทั้งฝ่ายผู้กล่าวหาและผู้เสียหายทั้งหมด โดยได้มีการนำประเด็นฝ่ายผู้ต้องหามาพิจารณาทั้งหมดก่อนที่จะมีความเห็นทางคดี

เมื่อถามอีกว่าแสดงว่าเราไม่มีความจำเป็นจะต้องส่งรายละเอียดให้กับทนายของฝั่งบอสพอลใช่หรือไม่ พ.ต.ต.ยุทธนา กล่าวว่า มีการร้องขอรายชื่อผู้เสียหาย ซึ่งมีข้อมูลอยู่ว่า เขาเคยมีคลิปในลักษณะคล้ายข่มขู่ ว่าหากมาแล้วดำเนินคดีจึงจำเป็นต้องป้องกันสิทธิของผู้เสียหายไม่สามารถส่งชื่อไปให้ได้ 

เมื่อถามย้ำว่ามีผู้เสียหายบางคนถอนแจ้งความจะมีผลกระทบต่อสำนวนที่ส่งให้อัยการหรือไม่  พ.ต.ต.ยุทธนา กล่าวว่า ความผิดนี้เป็นอาญาแผ่นดิน ไม่ใช่ความผิดอันยอมความได้ ไม่ใช่ความผิดส่วนตัวที่เมื่อถอนคำร้องทุกข์ สิทธิการทำคดีนั้นจะถูกระงับไป เมื่อเป็นคดีอาญาสิทธิการนำคดีอาญามาฟ้องก็ไม่ถือเป็นการระงับไป อัยการสามารถนำมาพิจารณาได้ ไม่ถือเป็นการระงับ

เมื่อถามถึงการคืนทรัพย์สิน จะถูกตัดไปด้วยหรือไม่ หากมีการถอนแจ้งความ พ.ต.ต.ยุทธนา กล่าวว่า หากเป็นผู้เสียหายจริงๆ จะมีผลตอนที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ยึดทรัพย์มาได้แล้วมีการเฉลี่ยทรัพย์คืน เขาก็จะมีสิทธิได้รับตรงนั้นแต่หากเป็นผู้ที่ไม่ได้รับความเสียหายซึ่งคดีแชร์ลูกโซ่ แม้ว่าบางคนบางกลุ่มไม่ได้รับความเสียหายบางครั้งอาจจะได้กำไร

เมื่อถามต่อว่าหลายคนกังวลคดีใหญ่ๆ ที่อยู่ในมือดีเอสไออาจจะเกิดความล่าช้า พ.ต.ต.ยุทธนา กล่าวยืนยันว่า จะทำงานอย่างเต็มที่ ไม่ปฏิเสธความรับผิดชอบได้ แต่ดีเอสไอมีกฎหมายกลางที่ให้เจ้าหน้าที่หน่วยงานรัฐอื่นร่วมเป็นพนักงานสอบสวนได้ หรือขอความร่วมมือไปยังหน่วยงานอื่น ช่วยรับคำร้องทุกข์หรือสอบสวนผู้เสียหาย

เมื่อถามอีกว่า นายกฯ ได้กำชับเรื่องใดเป็นพิเศษหรือไม่ พ.ต.ต.ยุทธนา กล่าวว่า นายกฯ เร่งรัดในเรื่องการทำความผิด สินค้าพืชผลทางการเกษตรทั้งคดีหมูเถื่อนและยางพารา นอกจากนี้ยังสอบถามเกี่ยวกับคดีออนไลน์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ด้วย.