เมื่อวันที่ 29 ต.ค. นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงผลการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานสรุปว่า ศบค.เห็นชอบปรับระดับของพื้นที่สถานการณ์ย่อยในพื้นที่ทั่วราชอาณาจักร ดังนี้

1.พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (แดงเข้ม) เดิม 23 จังหวัด ปรับลดเป็น 7 จังหวัด ประกอบด้วย จังหวัดจันทบุรี จังหวัดตาก จังหวัดนครศรีธรรมราช จังหวัดนราธิวาส จังหวัดปัตตานี จังหวัดยะลา และจังหวัดสงขลา

2.พื้นที่ควบคุมสูงสุด (สีแดง) เดิม 30 จังหวัด ปรับเพิ่มเป็น 38 จังหวัด ประกอบด้วย กาญจนบุรี ขอนแก่น ชลบุรี ชุมพร เชียงราย เชียงใหม่ ฉะเชิงเทรา ตรัง ตราด นครปฐม นครนายก นครราชสีมา นครสวรรค์ นนทบุรี ปทุมธานี ประจวบคีรีขันธ์ ปราจีนบุรี พระนครศรีอยุธยา พัทลุง พิจิตร พิษณุโลก เพชรบุรี เพชรบูรณ์ ระนอง ระยอง ราชบุรี ลพบุรี สตูล สมุทรปราการ สมุทรสงคราม สมุทรสาคร สระบุรี สระแก้ว สุพรรณบุรี สุราษฎร์ธานี อ่างทอง อุดรธานี และอุบลราชธานี

3.พื้นที่ควบคุม (สีส้ม) จากเดิม 24 ปรับเป็น 23 จังหวัด ประกอบด้วย กาฬสินธุ์ กำแพงเพชร ชัยนาท ชัยภูมิ บุรีรัมย์ พะเยา แพร่ มหาสารคาม แม่ฮ่องสอน ยโสธร ร้อยเอ็ด ลำปาง ลำพูน เลย สิงห์บุรี สุโขทัย สุรินทร์ หนองคาย หนองบัวลำภู อุตรดิตถ์ อุทัยธานี อำนาจเจริญ ศรีสะเกษ

  1. 4.ส่วนพื้นที่เฝ้าระวังสูง (สีเหลือง) 5 จังหวัด ประกอบด้วย นครพนม น่าน บึงกาฬ มุกดาหาร สกลนคร และพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว 4 จังหวัด ประกอบด้วย กรุงเทพมหานคร กระบี่ พังงา ภูเก็ต
  2. 5.ศบค.เห็นชอบ ยกเลิกการห้ามออกนอกเคหสถาน (เคอร์ฟิว) ในทุกพื้นที่ แต่ยังให้คงเคอร์ฟิวในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (สีแดง) ในเวลา 23.00-03.00 น.
  3. นพ.ทวีศิลป์ กล่าวอีกว่า ส่วนพื้นที่เฝ้าระวังและพื้นที่นำร่องการท่องเที่ยว (สีฟ้า) ทุกกิจกรรม และกิจการ เปิดได้ตามความเหมาะสม จัดกิจกรรมการรวมกลุ่มตามความเหมาะสม Work from home หน่วยงานของรัฐผู้ประกอบการภาคเอกชนดำเนินการได้ตามความเหมาะสม ยกเว้นกรุงเทพฯ และปริมณฑล อย่างน้อย 70% ทั้งนี้มาตรการทั้งหมดจะเริ่มในวันที่ 1 พ.ย.