เมื่อวันที่ 26 ธ.ค. นพ.นิพนธ์ ชินานนท์เวช ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี “แบงค์ เลสเตอร์” อินฟลูเอนเซอร์สู้ชีวิต เสียชีวิตกะทันหัน โดยคาดว่าสาเหตุเกิดจากการดื่มเหล้าเพียว 1 แบนรวดเดียว แลกเงิน 3 หมื่นบาท จนร่างกายช็อกและเสียชีวิต ว่า การดื่มแอลกอฮอล์อย่างรวดเร็ว จะทำให้ปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ยิ่งท้องว่างจะยิ่งดูดซึมเร็ว ทั้งนี้ การที่ปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดมีความเข้มข้นสูงจนไปกดการทำงานของระบบประสาท ทำให้ไม่รู้สึกตัว จนกระทั่งถ้ามากเกินไปก็จะไปกดการหายใจทำให้หยุดหายใจและเสียชีวิตได้ อีกกรณีที่พบได้คือบางคนมีการรับประทานอะไรอยู่ก่อนทำให้เกิดการสำลักรุนแรง เศษอาหารไปอุดหลอดลมและเสียชีวิตได้เช่นเดียวกัน

นพ.นิพนธ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาเราพบการเสียชีวิตจากทั้ง 2 กรณีดังกล่าว รวมถึงการจัดโปรโมชั่นแข่งขันกันดื่มเบียร์ เป็นโปรโมชั่นส่งเสริมการดื่ม สำหรับกรณีที่เกิดขึ้นล่าสุดนี้ ก็จะเข้าข่ายการส่งเสริมการดื่มก็ต้องมาพิจารณาว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ส่วนการนั่งดื่มกันเองแล้วเร่งดื่มมากก็อาจจะเกิดอันตรายได้ แม้ไม่ผิดกฎหมาย แต่ก็อันตราย ทางเราจึงพยายามออกมาเตือนอยู่เสมอว่าไม่ให้ดื่มในลักษณะดังกล่าว ยิ่งช่วงนี้ เป็นช่วงปีใหม่ เดี๋ยวชนแก้วๆ ก็มีโอกาสที่จะเกิดการดื่มจนกระทั่งเกิดหมดสติได้เช่นกัน จึงต้องระวัง

เมื่อถามว่า อันตรายจากการดื่มปริมาณมากๆ อย่างรวดเร็ว มีโอกาสเกิดอันตรายกับคนทุกกลุ่ม หรือมีกลุ่มเสี่ยงอะไรหรือไม่ นพ.นิพนธ์ กล่าวว่า แล้วแต่คน บางคนแพ้ดื่มได้ไม่นานก็อาจจะหมดสติได้ แต่บางคนอาจจะไม่เป็น เพราะแต่ละคนมีการย่อย หรือเผาผลาญแอลกอฮอล์ได้ไม่เท่ากัน แต่โดยพื้นฐานแล้ว ร่างกายคนเราจะมีการขับแอลกอฮอล์ออกประมาณ 15 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ต่อชั่วโมง ผ่านทางเหงื่อ และปัสสาวะ แต่การดื่มเร็วมันจะทำให้ระดับแอลกอฮอล์ในเลือดขึ้นเร็วจนกระทั่งอยู่ในระยะที่ทำให้หมดสติได้ง่าย ทั้งนี้สำหรับปริมาณแอลกอฮอล์ที่ร่างกายจะเริ่มรับไม่ไหวนั้น ก็ตั้งแต่ประมาณ 100 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ก็เริ่มจะไม่ไหวกันแล้ว เริ่มขาดสติกันแล้ว แต่กรณีหมดสติก็ราวๆ 200 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ขึ้นไป 

ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า กรณีการดื่มในวงเพื่อนๆ กันเอง แต่หากมีการเอาเงินมาจ้างดื่ม ยังถือว่าเป็นการสังสรรค์ หรือเข้าข่ายผิดกฎหมายอย่างไรหรือไม่ นพ.นิพนธ์ กล่าวว่า เวลาที่มีการจ้าง อาจจะไม่ใช่ลักษณะของการจัดโปรโมชั่นส่งเสริมการขาย แต่ก็จะเข้าลักษณะของการเชิญชวนดื่ม คล้ายกับการโฆษณา การมีอิทธิพลในการเชิญชวนให้ดื่ม แต่ต้องแยกแยะระหว่างกฎหมาย กับสิ่งที่เป็นจริง เพราะบางคนบอกว่า เป็นการแข่งขันดื่มในกลุ่มเพื่อนๆ ถึงไม่มีปัญหา แต่ท้ายที่สุดเราก็ต้องดูเรื่องสุขภาพ ปีใหม่ทั้งทีคงห้ามคนไม่ให้ดื่มแอลกอฮอล์คงไม่ได้ จึงขอว่า หากมีการดื่ม ก็ขอความร่วมมือไม่ขับรถออกไปข้างนอก อย่ากินจนเกินสุขภาพของตัวเอง แต่ถ้าไม่กินเลยก็จะดีที่สุด ขอย้ำที่สุดคือถ้าดื่มต้องไม่ขับรถ ถ้าขับรถต้องไม่ดื่ม เพื่อลดปัญหาที่จะตามมาจากการบริโภค

นพ.นิพนธ์ กล่าวด้วยว่า  ช่วงเทศกาลปีใหม่นี้ ทางสำนักฯ ได้มีการประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดูแลความปลอดภัยทางถนนในช่วงนี้อยู่แล้ว โดยเฉพาะกระทรวงมหาดไทยที่มีศูนย์ความปลอดภัยทางถนนอยู่ หลักๆ เลยถ้าทุกคนอยู่ที่บ้านแล้วรู้มีคนกินเหล้า ก็อย่าปล่อยให้คนกินเหล้าขับรถออกจากบ้าน ถือเป็นด่านแรกคือ ด่านครอบครัว ด่านที่สองคือด่านชุมชน ตั้งแต่สังคมย่อยๆ จนถึงระดับองค์การบริการส่วนตำบลตั้งด่านเพื่อช่วยเบรกคนกินเหล้า ไม่ให้ขับรถเสี่ยงเกิดอันตราย และด่านสุดท้ายคือด่านตำรวจ ถ้าเจอคนเมาก็พยายามให้นั่งพักดื่มน้ำ เพื่อระบายฤทธิ์แอลกอฮอล์ก่อน แต่ต้องย้ำว่า เมื่อไหร่ที่มีการเมาแล้วขับเกิดขึ้นก็มีโอกาสที่จะติดคุกได้ เพราะกฎหมายฉบับใหม่มีโทษแรงขึ้น.