เรื่องใหญ่ในวันที่ 27 ธ.ค. ส่งท้ายก่อนปิดราชการยาว คือ “พรรคภูมิใจไทยพ้นบ่วงยุบพรรค” จากกรณีที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ นายภัทรพงศ์ ศุภักษร นายศรีสุวรรณ จรรยา และนายธีรยุทธ สุวรรณเกสร ร้องต่อ กกต.ว่า พรรคภูมิใจไทยรับบริจาคเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด จากนายศุภวัฒน์ เกษมสุทธิ์ บริษัทศิลาชัย บุรีรัมย์ (1991) จำกัด และห้างหุ้นส่วนจำกัด บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น อาจจะเป็นการรับบริจาคโดยรู้หรือควรรู้ว่าได้มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย หรือมีเหตุอันควรสงสัยว่ามีแหล่งที่มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 72 เป็นเหตุแห่งการยุบพรรคการเมือง ตามมาตรา 92 วรรคหนึ่ง (3) แห่ง พ.ร.ป. ฉบับเดียวกัน

นายทะเบียนพรรคการเมืองเห็นว่า กรณีห้างหุ้นส่วนจำกัด บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น บริจาคเงินให้แก่พรรคภูมิใจไทย โดยเงินบริจาคซึ่งได้มาจากการกระทำความผิดตามกฎหมายเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐและการขัดกันแห่งประโยชน์นั้น ข้อเท็จจริงยังไม่ปรากฏพยานหลักฐานว่าพรรคภูมิใจไทยได้รับบริจาคโดยรู้หรือควรรู้ว่าเงินบริจาคได้มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือมีเหตุอันควรสงสัยว่ามีแหล่งที่มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงให้ยุติเรื่อง หากปรากฏพยานหลักฐานใหม่ภายหลังตามคำพิพากษาของศาลว่าผู้บริจาคกระทำผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ นายทะเบียนพรรคการเมืองจะยกขึ้นพิจารณาใหม่

ในช่วงต้นปี 68 ศึกเลือก อบจ.จะดุเดือดขึ้นเพราะหลายพื้นที่เป็นการแข่งขันกับ“บ้านใหญ่” แต่การลาออกของนายก อบจ.บางจังหวัด แล้วเลือกตั้งก่อน ทำให้ต้องเลือก สจ.กันอีกรอบวันที่ 1 ก.พ.68 ก็เสียงบประมาณเลือกไป 2 ครั้ง เรื่องนี้ นายชวน หลีกภัย สส.บัญชีรายชื่อ และอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนเอง นายบัญญัติ บรรทัดฐาน และนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ได้ทำหนังสือถึงประธานผู้ตรวจการแผ่นดินหารือเรื่องนี้ ว่าทำให้สูญเสียงบประมาณแผ่นดิน และยังส่งผลกระทบต่อความเชื่อถือศรัทธาของประชาชนต่อระบบการเมือง การปกครอง จึงขอให้มีการพิจารณาและศึกษาแนวทางเพื่อปรับปรุงกฎหมาย และเสนอต่อหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องต่อไป

“นอกจากนี้ ยังทำหนังสือถึงนายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. เรื่องการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลและนายกเทศมนตรีที่จะครบวาระการดำรงตำแหน่ง 4 ปี ในวันที่28 มี.ค.2568 ว่า เทศบาลหลายแห่ง นายกเทศมนตรีได้ลาออกจากตำแหน่ง และเชื่อว่าจะมีการทยอยลาออกจากตำแหน่งก่อนครบวาระ เหมือนกรณีของนายกอบจ. ทำให้ต้องเลือกตั้งในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเดียวกันซ้ำ 2 รอบอีก ขอให้ประธาน กกต.รับทราบและพิจารณาดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่ง อันจะทำให้ทั้งผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และต่อประชาชนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง ได้ตระหนักถึงผลเสียหายที่จะเกิดจากการลาออกก่อนครบวาระการดำรงตำแหน่ง และปรับปรุงกฎหมายในอนาคต” นายชวน กล่าว

มีกระแสข่าวมาก่อนหน้านี้ว่า “ฝ่ายการเมืองต้องการเปลี่ยนตัวประธานรัฐสภา” อยากให้คนของพรรคเพื่อไทยมาทำหน้าที่แทน เรื่องนี้ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎรให้สัมภาษณ์ว่า หากสมาชิกส่วนใหญ่ต้องการเปลี่ยนประธานสภา ก็สามารถเสนอญัตติเปลี่ยนแปลงได้ ตำแหน่งนี้มาจากการเลือกตั้งของสมาชิกรัฐสภา ไม่ใช่ฝ่ายการเมืองมาขอให้เปลี่ยนแปลง จึงอยากให้แยกฝ่ายนิติบัญญัติและฝ่ายบริหารออกจากกัน ไม่เช่นนั้นสองฝ่ายต้องขึ้นแก่กัน หรือฝ่ายใดต้องฟังอีกฝ่ายหนึ่ง ต่างฝ่ายต่างต้องทำหน้าที่ซึ่งไม่แทรกแซงกัน

เมื่อคืนวันที่ 26 ธ.ค. “อดีตนายกฯแม้ว”นายทักษิณ ชินวัตร ในฐานะที่ปรึกษาอย่างไม่เป็นทางการของประธานอาเซียน พร้อมด้วย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา พรรคกล้าธรรม นั่งเรือยอตช์จากภูเก็ต ไปเกาะหลีเป๊ะ จ.สตูล เพื่อคุยกับดาโตะ เซอรี อันวาร์ อิบราฮิม นายกฯ มาเลเซียกลางทะเลช่วงแนวเขตประเทศไทยมาเลเซีย อดีตนายกฯแม้ว กล่าวว่า ถือเป็นเรื่องที่ดีที่ได้พูดคุยเรื่องสถานการณ์ในภาคใต้ เรื่องอาเซียนและเมียนมา รวมถึงสถานการณ์ของโลก

ดาโตะ เซอรี อันวาร์ อิบราฮิม นายกฯ มาเลเซีย ได้แสดงความชื่นชมโดยโพสต์เฟซบุ๊กว่า การพูดคุยเน้นไปที่ประเด็นสำคัญในระดับภูมิภาค ได้แก่ การฟื้นฟูเศรษฐกิจ การใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นใหม่ การสร้างสันติภาพในพื้นที่ภาคใต้ของประเทศไทย และการแก้ไขวิกฤตการณ์ในเมียนมา

“เครือข่ายความสัมพันธ์ที่กว้างขวางและความเชี่ยวชาญที่โดดเด่นของ ดร.ทักษิณ ในภูมิภาคนี้ เปิดโอกาสสำคัญให้มาเลเซียและอาเซียนสามารถเผชิญกับความท้าทายเหล่านี้ได้อย่างมั่นใจและมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ เราได้หารือเกี่ยวกับวิธีการเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศมาเลเซียและไทย ซึ่งมีความแข็งแกร่งอยู่แล้วให้ยิ่งแน่นแฟ้นขึ้น เพื่อภูมิภาคโดยรวม เรามุ่งมั่นที่จะทำให้วิสัยทัศน์นี้กลายเป็นความจริง“

สำหรับ “นายกฯอิ๊งค์” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ได้ส่งหนังสือลากิจ 1 วันในวันที่ 27 ธ.ค.ไปที่เลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) เพื่อใช้วันหยุดในช่วงเทศกาลปีใหม่พักผ่อนอยู่กับครอบครัว ตั้งแต่วันที่ 27 ธ.ค.67 และจะกลับมาปฏิบัติหน้าที่อีกครั้งในวันที่ 2 ม.ค.เวลา 07.30 น.นายกฯ พร้อมคู่สมรส เป็นประธานในพิธีทำบุญเนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ พ.ศ.2568 ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล การประชุม ครม.นัดแรกของปี 2568 จะมีขึ้นในวันอังคารที่ 7 ม.ค.2568

วันเด็กปี 2568 ตรงกับวันเสาร์ที่ 11 ม.ค. 2568 นายกฯ มอบคำขวัญวันเด็กประจำปี 2568 ว่า “ทุกโอกาสคือการเรียนรู้ พร้อมปรับตัวสู่อนาคตที่เลือกเอง” และได้โพสต์คลิปบอกเล่าว่า สิ่งที่รัฐบาลมองเห็นคือคุณค่า คุณภาพในตัวของน้องๆ ตัวเล็กๆ เด็กๆ ทุกคน เพราะอนาคตจะเป็นอย่างไรประเทศไทยจะน่าอยู่หรือไม่อยู่กับน้องๆ อายุน้อย เราเรียนรู้ได้ตลอดเวลา และการเรียนรู้นั้นจะทำให้เรารู้เองว่าเราจะสามารถปรับตัวได้ให้เข้ากับสิ่งที่เราไม่ทราบว่าอะไรจะเข้ามาบ้าง เป็นอะไรที่ควบคุมไม่ได้ แต่เราปรับตัวได้ อันนี้คือสิ่งที่เราควบคุมได้ คือตัวของเราเอง

ทิ้งท้ายด้วยเรื่องการแก้ไข พ.ร.บ.ประมง จากที่ก่อนหน้านี้ต้องทำตามกฎ IUU ( การทำประมงผิดกฎหมาย ขาดร้ายงาน และไร้การควบคุม ) เฟซบุ๊กพรรคประชาชน ( ปชน.) ได้โพสต์ข้อความว่า สิ่งที่อาจสร้างความกังวลใจให้กับประชาชนและกลุ่มชาวประมงพื้นบ้าน นั่นคือการแก้ไขมาตรา 69 ซึ่ง นายพงศธร ศรเพชรนรินทร์ สส.ระยอง เขต 3 พรรค ปชน. ในฐานะ กมธ.ชี้แจงว่า สาระสำคัญของการแก้ไขมาตรา 69 ไม่ใช่การลดขนาดตาอวนให้เล็กลงกว่า 6 มิลลิเมตร แต่คือการผ่อนปรนให้เฉพาะเรือจับปลากะตักเท่าที่มีอยู่ ( ซึ่งปัจจุบันจับในเวลากลางวันได้อยู่แล้วด้วยอวนขนาด 6 มิลลิเมตร ) สามารถทำการประมงเวลากลางคืนนอกเขต 12 ไมล์ทะเลได้

ส่วนอวนที่ขนาดเล็กกว่า 6 มิลลิเมตรยังคงผิดกฎหมาย ใช้ทำการประมงไม่ได้แน่นอน การแก้ไขมาตรา 69 มีเจตนาเพื่อลดการนำเข้าปลากะตัก โดยค่า MSY ของปลากะตัก (ปริมาณสูงสุดของสัตว์น้ำที่จะจับมาใช้ประโยชน์ได้ โดยสัตว์น้ำส่วนที่เหลือยังคงได้วางไข่และเจริญเติบโตมาทดแทนอย่างสมดุลกับปริมาณ) ยังคงเหลือเพียงพอให้จับเพื่อทดแทนการนำเข้า โดยที่ไม่มีการเพิ่มจำนวนเรือจับปลากะตักมากไปกว่าที่มีอยู่เดิม และไม่เกิน MSY ที่มีอยู่ การขออนุญาตใช้อวนยังต้องควบคุม การดำเนินการตาม พ.ร.บ.ยังต้องออกหลักเกณฑ์จากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กมธ.พัฒนาการเมือง สภาผู้แทนราษฎร จะหารือกับฝ่ายที่เกี่ยวข้องในวันที่ 9 ธ.ค. เพื่อได้กฎหมายที่รักษาความยั่งยืนของประมงไทย

“ทีมข่าวการเมือง”